Market-think สรกล อดุลยานนท์
ในที่สุดรัฐบาลก็ประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 พฤศจิกายน
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
แม้จะเลยกำหนดเส้นตาย 120 วันที่เคยสัญญาไว้
แต่ล่าช้าไป 15 วัน ก็ไม่มีใครว่าอะไรมากนัก
เพราะ “มาช้า” ดีกว่า “ไม่มา”
ประเด็นที่รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง “ความพร้อม” มากกว่า
คุณหมอหลายคนตั้งคำถามว่าประเทศไทยพร้อมที่จะเปิดประเทศแล้วจริงหรือ
เพราะถ้าดูจากข้อมูลตัวเลขคนฉีดวัคซีน
ตอนนี้ยังไม่ถึง 70% ของประชากรเลย
หรือบางคนก็ตั้งข้อสังเกตุว่าทำไมไม่คลายล็อกภายในประเทศก่อน แล้วค่อยเปิดประเทศ
ไม่ว่าจะยกเลิกเคอร์ฟิว หรือการเปิดให้ร้านอาหารและแหล่งบันเทิงขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
เรื่องจำนวนคนฉีดวัคซีนเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันต่อไป
เพราะถ้ายึดหลักการของประเทศต่าง ๆ ที่เปิดประเทศ
ไทยก็ยังไม่พร้อมจริง ๆ
แต่บังเอิญมีข่าวเรื่องการค้นพบยารักษา “โควิด” และรัฐบาลไทยได้สั่งซื้อแล้ว
น่าจะใช้ได้ประมาณเดือนธันวาคม
ยาตัวนี้คือการเปลี่ยนเกมโควิดครั้งสำคัญ
ถ้าใช้ได้ผลจริง ระบาดระลอกใหม่ก็ไม่น่ากลัวเท่าไรนัก
เพราะเป็นแล้วรักษาได้
ในอีกมุมหนึ่ง อย่าลืมว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศต้องฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้วจึงเข้าเมืองไทยได้
โอกาสที่เขาจะเป็นคนแพร่เชื้อจึงต่ำมาก
มีแต่คนไทยต่างหากที่มีโอกาสแพร่เชื้อให้นักท่องเที่ยว
โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
แต่ประเด็นการเปิดประเทศก่อนคลายล็อกให้คนไทย เรื่องนี้แปลกจริง
เพราะการคลายล็อกในประเทศ เหมือนกับเป็นการทดลองความพร้อมภายในก่อนที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
หรือกำหนดเปิดให้ร้านอาหารขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันที่ 1 ธันวาคม
แต่เปิดประเทศก่อนในวันที่ 1 พฤศจิกายน
คาดว่านักท่องเที่ยวกลุ่มแรก ๆ ที่เข้ามาช่วงเดือนพฤศจิกายนคงงง
เปิดประเทศแบบไหน
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารไม่ได้
ผับเปิด แต่ไม่ขายแอลกอฮอล์
ถ้าสื่อสารไม่ดี ไม่บอกนักท่องเที่ยวล่วงหน้าให้เขาทำใจไว้ก่อน
“การบอกต่อ” เป็นพิษแน่นอน
อาจมีนักท่องเที่ยวบางคนทำคลิปตลกร้ายเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียก็ได้
บอกต่อว่า “อย่ามา”
ผมเชื่อว่าเรื่องนี้รัฐบาลคงมองในมุมธุรกิจมากกว่าสาธารณสุข
ถ้าเปิดช้ากว่านี้ คงเสียโอกาสทองช่วงปีใหม่
ถ้ามองโลกในแง่ดี การส่งสัญญาณเปิดประเทศตั้งแต่วันนี้ กว่าที่บริษัททัวร์จะจัดทริป เปิดให้จอง หรือนักท่องเที่ยวจะมาจริง ๆ ก็คงประมาณเดือนธันวาคม
ตอนนั้นธุรกิจท่องเที่ยวทั้งระบบคงพร้อมแล้ว
ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่เปิดประเทศคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาบ้างประปราย
แต่ถ้ารัฐบาลประกาศช้ากว่านั้น นักท่องเที่ยวอาจจองไปประเทศอื่นแล้ว
ต้องรีบชิงธงตั้งแต่วันนี้
เพื่อหวังผลช่วงปีใหม่
ที่ผมคุยกับผู้ประกอบการโรงแรม เขาบอกว่ากลุ่มเป้าหมายหลักช่วงแรกคงเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศกลุ่ม
ยุโรป
เขาจะหนีหนาวมาอาบแดดที่เมืองไทยกันตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสจนถึงต้นปีหน้า
ส่วน “จีน” ที่เป็นตลาดใหญ่สุด ช่วงนี้รัฐบาลจีนยังไม่เปิดให้คนจีนเที่ยวต่างประเทศ
มีคนตั้งคำถามว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย เขายังต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่หรือเปล่า
เพราะถ้าในเมืองไทยยังบังคับให้ใส่หน้ากาก
แต่ในยุโรปเขาเลิกใส่กันแล้ว
อยู่ที่บ้านไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย
แต่มาเที่ยวต่างประเทศกลับต้องใส่
เขาคงจะรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน
เช่นเดียวกับคนไทย ถ้าบอกว่าไม่ต้องใส่หน้ากากแล้ว
หลายคนคงไม่กล้า
ขอใส่ต่อไปเรื่อย ๆ ก่อน
ช่วงเดือนธันวาคม บรรยากาศในประเทศคงจะแปลก ๆ
เพราะเราจะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติตามที่ต่าง ๆ
และคงมีบางคนไม่ใส่หน้ากากอนามัยแล้ว
ส่วนคนไทยก็คงมีทั้งใส่และไม่ใส่
เดินผ่านกัน ก็เหมือนกับกำลังเล่น “เกมวัดใจ” กัน
จะ “ติด” หรือ “ไม่ติด”