เกมวัดใจ

บทความ โดย หนุ่มเมืองจันท์
Market-think
สรกล อดุลยานนท์

 

ในที่สุดรัฐบาลก็ประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 พฤศจิกายน

แม้จะเลยกำหนดเส้นตาย 120 วันที่เคยสัญญาไว้

แต่ล่าช้าไป 15 วัน ก็ไม่มีใครว่าอะไรมากนัก

เพราะ “มาช้า” ดีกว่า “ไม่มา”

ประเด็นที่รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง “ความพร้อม” มากกว่า

คุณหมอหลายคนตั้งคำถามว่าประเทศไทยพร้อมที่จะเปิดประเทศแล้วจริงหรือ

เพราะถ้าดูจากข้อมูลตัวเลขคนฉีดวัคซีน

ตอนนี้ยังไม่ถึง 70% ของประชากรเลย

หรือบางคนก็ตั้งข้อสังเกตุว่าทำไมไม่คลายล็อกภายในประเทศก่อน แล้วค่อยเปิดประเทศ

ไม่ว่าจะยกเลิกเคอร์ฟิว หรือการเปิดให้ร้านอาหารและแหล่งบันเทิงขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้

เรื่องจำนวนคนฉีดวัคซีนเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันต่อไป

เพราะถ้ายึดหลักการของประเทศต่าง ๆ ที่เปิดประเทศ

ไทยก็ยังไม่พร้อมจริง ๆ

แต่บังเอิญมีข่าวเรื่องการค้นพบยารักษา “โควิด” และรัฐบาลไทยได้สั่งซื้อแล้ว

น่าจะใช้ได้ประมาณเดือนธันวาคม

ยาตัวนี้คือการเปลี่ยนเกมโควิดครั้งสำคัญ

ถ้าใช้ได้ผลจริง ระบาดระลอกใหม่ก็ไม่น่ากลัวเท่าไรนัก

เพราะเป็นแล้วรักษาได้

ในอีกมุมหนึ่ง อย่าลืมว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศต้องฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้วจึงเข้าเมืองไทยได้

โอกาสที่เขาจะเป็นคนแพร่เชื้อจึงต่ำมาก

มีแต่คนไทยต่างหากที่มีโอกาสแพร่เชื้อให้นักท่องเที่ยว

โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

แต่ประเด็นการเปิดประเทศก่อนคลายล็อกให้คนไทย เรื่องนี้แปลกจริง

เพราะการคลายล็อกในประเทศ เหมือนกับเป็นการทดลองความพร้อมภายในก่อนที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

หรือกำหนดเปิดให้ร้านอาหารขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันที่ 1 ธันวาคม

แต่เปิดประเทศก่อนในวันที่ 1 พฤศจิกายน

คาดว่านักท่องเที่ยวกลุ่มแรก ๆ ที่เข้ามาช่วงเดือนพฤศจิกายนคงงง

เปิดประเทศแบบไหน

ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารไม่ได้

ผับเปิด แต่ไม่ขายแอลกอฮอล์

ถ้าสื่อสารไม่ดี ไม่บอกนักท่องเที่ยวล่วงหน้าให้เขาทำใจไว้ก่อน

“การบอกต่อ” เป็นพิษแน่นอน

อาจมีนักท่องเที่ยวบางคนทำคลิปตลกร้ายเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียก็ได้

บอกต่อว่า “อย่ามา”

ผมเชื่อว่าเรื่องนี้รัฐบาลคงมองในมุมธุรกิจมากกว่าสาธารณสุข

ถ้าเปิดช้ากว่านี้ คงเสียโอกาสทองช่วงปีใหม่

ถ้ามองโลกในแง่ดี การส่งสัญญาณเปิดประเทศตั้งแต่วันนี้ กว่าที่บริษัททัวร์จะจัดทริป เปิดให้จอง หรือนักท่องเที่ยวจะมาจริง ๆ ก็คงประมาณเดือนธันวาคม

ตอนนั้นธุรกิจท่องเที่ยวทั้งระบบคงพร้อมแล้ว

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่เปิดประเทศคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาบ้างประปราย

แต่ถ้ารัฐบาลประกาศช้ากว่านั้น นักท่องเที่ยวอาจจองไปประเทศอื่นแล้ว

ต้องรีบชิงธงตั้งแต่วันนี้

เพื่อหวังผลช่วงปีใหม่

ที่ผมคุยกับผู้ประกอบการโรงแรม เขาบอกว่ากลุ่มเป้าหมายหลักช่วงแรกคงเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศกลุ่ม
ยุโรป

เขาจะหนีหนาวมาอาบแดดที่เมืองไทยกันตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสจนถึงต้นปีหน้า

ส่วน “จีน” ที่เป็นตลาดใหญ่สุด ช่วงนี้รัฐบาลจีนยังไม่เปิดให้คนจีนเที่ยวต่างประเทศ

มีคนตั้งคำถามว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย เขายังต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่หรือเปล่า

เพราะถ้าในเมืองไทยยังบังคับให้ใส่หน้ากาก

แต่ในยุโรปเขาเลิกใส่กันแล้ว

อยู่ที่บ้านไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย

แต่มาเที่ยวต่างประเทศกลับต้องใส่

เขาคงจะรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน

เช่นเดียวกับคนไทย ถ้าบอกว่าไม่ต้องใส่หน้ากากแล้ว

หลายคนคงไม่กล้า

ขอใส่ต่อไปเรื่อย ๆ ก่อน

ช่วงเดือนธันวาคม บรรยากาศในประเทศคงจะแปลก ๆ

เพราะเราจะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติตามที่ต่าง ๆ

และคงมีบางคนไม่ใส่หน้ากากอนามัยแล้ว

ส่วนคนไทยก็คงมีทั้งใส่และไม่ใส่

เดินผ่านกัน ก็เหมือนกับกำลังเล่น “เกมวัดใจ” กัน


จะ “ติด” หรือ “ไม่ติด”