Market-think สรกล อดุลยานนท์
ครั้งหนึ่งตอนที่มีข่าวนักธุรกิจรายใหญ่คิดจะลงทุนในทีวีดิจิทัลที่เพิ่งประมูลไป
- เปิดคำทำนาย “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ปี 2567 ฝนตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า
- ไขปม Taobao Thailand เป็นใคร ทำอะไร
- สรุปวิธีใช้เงินดิจิทัล และเงินสด 10,000 บาท ใครขึ้นเงินสดได้บ้าง
ตอนนั้นมีช่องวันกับอีกช่องหนึ่งเป็นเป้าหมาย
เคยถามผู้ใหญ่ในแวดวงทีวีคนหนึ่งว่าถ้านักธุรกิจคนนั้นมาปรึกษา เขาจะแนะนำช่องไหน
“ช่องวัน”
เขาตอบทันทีแบบมั่นใจ
เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ เพราะช่องวันมี “บอย” ถกลเกียรติ วีรวรรณ
คนแวดวงทีวีเขารู้มือกันครับ
“บอย” ทำช่องเป็น และที่สำคัญทำละครเก่ง
ผลงานในอดีตเป็นที่ยืนยัน
“ละคร” นั้นเป็นคอนเทนต์สำคัญของวงการโทรทัศน์
ผลิตครั้งเดียว แต่ฉายซ้ำได้หลายรอบ
ละครไทยส่วนใหญ่เอากลับมาฉายซ้ำไม่ต่ำกว่า 2 รอบ
และถ้าเป็นละครดังในอดีต ฉายกี่ครั้งเรตติ้งก็ยังดี
บางทีสูงกว่าละครใหม่ด้วยซ้ำไป
ทั้งที่ต้นทุนเท่าเดิม
แต่ยังไม่มีละครไทยเรื่องไหนทำสถิติรีรันเท่ากับละคร “เปาบุ้นจิ้น” ทางช่อง 3
ถึงวันนี้ไม่รู้รีรันไปกี่รอบแล้ว
หลังจากฟังความเห็นของผู้ใหญ่ท่านนั้น ผมก็จับตามองช่องวันมาตลอด
และสุดท้ายก็เป็นจริง
ละครช่องวันทำเรตติ้งเบียดกับช่อง 3 ช่อง 7 ได้สบาย ๆ
ผลประกอบการถือว่าอยู่ในระดับต้น ๆ ของทีวีดิจิทัล
ล่าสุด ช่องวันแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ปรับโครงสร้างใหม่ระหว่างช่องวัน จีเอ็มเอ็ม 25 และแกรมมี่ให้เข้าใจง่าย
เพราะถ้าคลุมเครือนักลงทุนไม่ชอบ
ช่องวันนั้นจะเข้าไปดูการตลาดทั้งหมดของช่องจีเอ็มเอ็ม 25
ซื้อ GMMCH ธุรกิจผลิตคอนเทนต์ของแกรมมี่
เอาทั้งหมดมาอยู่ในที่เดียว
ใช้ชื่อว่า ONEE
น่าจะเข้าซื้อขายในตลาดช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
คาดว่าหลังจากเข้าตลาดหุ้น ONEE จะกลายเป็นพยัคฆ์เสียบปีก
เพราะมีความพร้อมด้านการเงิน
เมื่อวันก่อนคุณถกลเกียรติ และคุณระฟ้า ดำรงชัยธรรม เพิ่งแถลงข่าวเรื่องนี้
นอกจากเนื้อหาที่แถลงไปแล้ว มีคนบอกทีมงานแกรมมี่ว่าที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการเปิดตัว “ระฟ้า”
เธอบอกว่าถ้าช่วงนี้ “ระฟ้า” เปิดตัวว่ามีแฟน
จะมีผลต่อราคา IPO ทันที
เพราะ “ความรู้สึก” คือ “เหตุผล” อย่างหนึ่ง
ในการแถลงข่าว เขาบอกว่ารายได้ของ ONEE มาจากทีวีถึง 48% ออนไลน์ 21% ต่างประเทศ 5% และช่องทางอื่น 27%
และคาดว่าปีนี้ก็คงคล้ายเดิม
แต่ผมมองว่าแหล่งรายได้ที่น่าสนใจของ ONEE คือ รายได้ต่างประเทศจากการผลิตคอนเทนต์
ความสำเร็จของซีรีส์เกาหลีในเน็ตฟลิกซ์ โดยเฉพาะเรื่องล่าสุด Squid Game ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าเดินตาม
เพราะธุรกิจหนังหรือละคร เวลาเรื่องไหนโดนขึ้นมา
เหมือนแจ็กพอตแตก
ไม่ว่าหนัง “พี่มากพระโขนง” ละคร “บุพเพสันนิวาส” ในเมืองไทย
หรือหนัง “ฉลาดเกมส์โกง” ที่ทำรายได้ระเบิดที่เมืองจีน
ต้นทุนเท่าเดิม แต่กำไรทะลุฟ้าไปเลย
ยิ่งตอนนี้ OTT platform อย่าง เน็ตฟลิกซ์ หรือดิสนีย์พลัส กำลังต้องการคอนเทนต์จากเอเชีย
อย่างเน็ตฟลิกซ์ประกาศเลยว่าจะลงทุนคอนเทนต์ในเอเชีย 1,000 ล้านเหรียญ หรือ 33,000 ล้านบาท
แต่งบฯครึ่งหนึ่งเขาลงทุนกับเกาหลีใต้นะครับ
Squid Game ใช้งบฯ 716 ล้านบาท ตกตอนละ 80 ล้านบาท
ซีรีส์ของไทยเขาจ่ายน้อยกว่าประมาณ 4-5 เท่า
แม้จะถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับการผลิตละครไทย
แต่เมื่อเทียบกับเกาหลีแล้ว เรายังมีช่องที่จะไปได้อีก
ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าทำเรื่องไหนโดนขึ้นมา
ราคาค่าผลิตเรื่องต่อไปขยับขึ้นทันที
ตลาดนี้ยังเป็น “บลูโอเชียน” ครับ
และในเมืองไทย ผมว่า ONEE มีอนาคตมากที่สุด
