คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
วันก่อน มีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคุณเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ “แสนสิริ” ในงานเสวนาของ “มติชน”
คลิปและเนื้อหาการเสวนาดูได้จากทางเว็บไซต์ “มติชน” และ “ประชาชาติธุรกิจ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
รับรองว่า 1 ชั่วโมงกว่าของการเสวนาเปี่ยมไปด้วยความรู้และความหวัง
มีประเด็นเล็ก ๆ เรื่องหนึ่งที่ผมชอบมากในการเสวนาครั้งนี้
คือ เรื่องที่ “ชัชชาติ” นำแอพพ์ “ทราฟฟี่ ฟองดูว์” มาใช้เพื่อเชื่อมต่อระหว่างประชาชนกับ กทม.
กลายเป็นมิติใหม่ทางการเมือง
“ชัชชาติ” บอกว่า ระบบในอดีตจะเป็นแบบ “ไปป์ไลน์”
มีเรื่องร้องเรียนมาที่ผู้ว่าฯ
ผู้ว่าฯส่งเรื่องต่อให้รองผู้ว่าฯ
ผ่านไปทางปลัด กทม. ไปเรื่อย ๆ จนถึงเจ้าหน้าที่
เหมือนมีท่อเชื่อมโยงระหว่างคนที่มีปัญหา กับคนแก้ปัญหา
ข้อต่อเยอะไปหมด
“ใครเส้นใหญ่ก็มีท่อใหญ่ พรวดเดียวถึง ส่วนคนตัวเล็กตัวน้อยไม่มีท่อก็ติดอยู่ตรงนั้น”
แต่ “ทราฟฟี่ ฟองดูว์” เป็นระบบ “แพลตฟอร์ม” เหมือนแกร็บ อูเบอร์ ฯลฯ
เป็นกระดานใหญ่ ๆ ใครมีปัญหาก็เขียนลงบนกระดาน
คนที่รับผิดชอบ เมื่อเห็นคนเขียนปัญหาบนกระดานก็หยิบไปแก้ไข
ผู้ว่าฯ ไม่ต้องสั่งการ
ผู้อำนวยการเห็น มาล้วงลูกจากแพลตฟอร์มเองได้เลย
สิ่งที่ “ชัชชาติ” ไม่ได้พูดก็คือ บนกระดานนี้ไม่ใช่แค่ผู้อำนวยการเขต และประชาชนเห็น
อีกคนสำคัญคนหนึ่งที่ยืนมองอยู่ คือ “ชัชชาติ”
เขาเหมือนเป็นเงาของ “ฉลาม”
เจ้าหน้าที่ของ กทม.ก็เหมือนกับ “ปลา”
จากที่อยู่นิ่ง ๆ พอเห็นเงาฉลามปั๊บ ก็ว่ายอย่างเร็วทันที
แพลตฟอร์มแบบนี้จึงทลายระบบ “ไซโล” ในองค์กรที่แต่ละคนทำงานแบบตัวใครตัวมัน
เพราะปัญหาอยู่บนกระดานดำแล้ว
“ชัชชาติ” เชื่อว่าต่อไป “ทราฟฟี่ ฟองดูว์” จะทะลุทะลวงออกไปนอก กทม.
เพราะปัญหาเรื่องประปา ไฟฟ้า อาชญากรรม ฯลฯ เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่าง ๆ
“สุดท้ายทุกฝ่ายต้องส่งคนมาร่วมกับเรา”
การนำแพลตฟอร์ม “ทราฟพี่ ฟองดูว์” มาใช้ ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของการ “ทำน้อยได้มาก” ซึ่งเป็นหลักคิดในการทำงานของ “ชัชชาติ”
อีกเรื่องหนึ่งที่เขาพูดบนเวทีเสวนา คือ การชื่นชมทีมงาน
“ผมมีทีมงานที่ดี และเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สำเร็จ คือ ทีมงานของผมไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยทำการเมือง ไม่เคยเป็นข้าราชการมาก่อน”
เพราะถ้าเป็นนักการเมือง หรือรับราชการมาก่อน
ประสบการณ์ที่สั่งสมมาจะเป็น “กรอบ” แบบเดิม ๆ
แต่เพราะคนรุ่นใหม่ ทีมงาน “ชัชชาติ” ไม่เคยมี “กรอบประสบการณ์” มาก่อน
ทุกคนจึงกล้าคิดนอกกรอบ
นำเสนอวิธีการใหม่ ๆ ที่คนเก่า ๆ ไม่เคยทำ
ความสำเร็จในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างของการเปิดทางให้ “คนรุ่นใหม่” ได้คิด
และยอมรับแนวคิดใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนเดิม
เหมือนการทำธุรกิจ มีคนเคยบอกว่า “คู่แข่ง” ที่น่ากลัวที่สุด คือ รายใหม่ที่ไม่เคยทำธุรกิจนี้มาก่อน
ถ้าเป็นคู่แข่งเดิม นอกจากเราจะรู้มือกันแล้ว
คู่แข่งยังติดกรอบความคิดแบบเดิม ๆ เหมือนกับเรา
รับมือไม่ยาก
แต่ถ้าเจอ “คู่แข่งรายใหม่” เหมือนคนต่างถิ่นที่เดินเข้ามา
เขาจะไม่มีกรอบ
เพราะไม่เคยทำธุรกิจนี้มาก่อน
แบบนี้น่ากลัว
เพราะไม่รู้ว่าจะเดินเกมแบบไหน
เรามี “ความรู้” เก่าที่สั่งสมจากประสบการณ์
แต่เขามี “ความรู้” ใหม่ ที่เรียกว่า “ความไม่รู้”
ไม่มีประสบการณ์
ไม่ติดกรอบอะไร
ครับ “ความไม่รู้” คือ “ความรู้” อย่างหนึ่ง