
คอลัมน์ : Pawoot.com ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกทันที โดยเฉพาะในด้านนโยบายเทคโนโลยีที่ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ ทรัมป์ประกาศชัดเจนว่าจะดำเนินนโยบายที่เข้มงวดต่อจีน ทั้งในด้านการค้าและเทคโนโลยี ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ไทยในฐานะหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจได้รับทั้งโอกาสและความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้
หนึ่งในโอกาสสำคัญคือการที่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งอาจพิจารณาย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ภายใต้นโยบาย China Plus One ประเทศไทยมีความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และแรงงานที่สามารถรองรับการลงทุนจากต่างชาติได้ หากไทยสามารถดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้สำเร็จ อาจกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น สมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ IoT การลงทุนในด้านนี้ยังช่วยกระตุ้นการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีนำเข้า และส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยคนไทย
นอกจากนี้ ตลาดดิจิทัลของไทยยังมีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี AI และ MarTech ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจ เช่น การนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและปรับปรุงการโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รวมถึงการสร้างสรรค์เนื้อหาโดยอัตโนมัติ การปรับตัวนี้จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การสนับสนุน Startup ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเหล่านี้ จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การกลับมาของทรัมป์ยังมาพร้อมกับความท้าทายที่ไม่อาจมองข้าม การควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และระบบ AI อาจทำให้ไทยเผชิญกับข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่สำคัญเหล่านี้ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมที่พึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทาน ส่งผลให้การนำเข้าวัตถุดิบสำคัญสำหรับการผลิตในไทยมีความซับซ้อนมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและต้นทุนการผลิต
อีกหนึ่งประเด็นที่ไทยต้องจับตามองคือการเติบโตของทุนจีนในประเทศ ซึ่งการลงทุนจากจีนในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และอีคอมเมิร์ซ อาจสร้างแรงกดดันให้กับผู้ประกอบการไทย การแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทจีน ซึ่งมีเทคโนโลยีทันสมัยและต้นทุนการผลิตต่ำ ทำให้ธุรกิจไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อคงความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในด้านเทคโนโลยี และการปรับตัวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล จึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลและภาคเอกชนควรให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน
เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น การลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) และการส่งเสริม Startup จะช่วยผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดโลก นอกจากนี้ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน จะช่วยกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาเพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง ในขณะเดียวกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และการส่งเสริมระบบนิเวศเทคโนโลยีที่ยั่งยืน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ไทยสามารถเปลี่ยนแปลงวิกฤตเป็นโอกาส และสร้างความได้เปรียบในตลาดโลก
การกลับมาของทรัมป์อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเศรษฐกิจโลก ไทยต้องมุ่งมั่นปรับตัวและเตรียมพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งในเชิงนโยบายและการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขัน และเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคที่สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว