ทำไมบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่อย่างช่อง 3 ถึงต้องปลดพนักงานหลายร้อยราย ?

three
คอลัมน์ : Pawoot.com 
ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

ในปี พ.ศ. 2567 แม้จะเป็นปีที่หลายธุรกิจฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกและปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี แต่สำหรับอุตสาหกรรมสื่อกลับต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ การประกาศปลดพนักงานกว่า 300 คนของช่อง 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ไม่เพียงแต่เป็นข่าวที่สร้างแรงกระเพื่อมในวงการสื่อ แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญในอุตสาหกรรมสื่อทั่วโลก

เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้รายได้ของช่อง 3 จะยังอยู่ในระดับสูง แต่กำไรสุทธิกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทต้องปรับลดค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาความมั่นคงขององค์กร ตัวเลขสำคัญที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงมีดังนี้

ปี 2563 : รายได้ 5,908.22 ล้านบาท แต่ขาดทุนสุทธิ -214.25 ล้านบาท

ปี 2564 : รายได้ 5,728.93 ล้านบาท กำไรสุทธิ 761.65 ล้านบาท

ปี 2565 : รายได้ 5,151.91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 607.03 ล้านบาท

ปี 2566 : รายได้ 4,699.63 ล้านบาท กำไรสุทธิ 210.01 ล้านบาท

ADVERTISMENT

ปี 2567 (ไตรมาส 1-3) : รายได้ 3,213.61 ล้านบาท กำไรสุทธิ 131.56 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าแม้ช่อง 3 จะสามารถปรับตัวและทำกำไรได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ตัวเลขกำไรสุทธิที่ลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทจำเป็นต้องหาวิธีลดต้นทุนเพื่อความอยู่รอด การตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานของช่อง 3 สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสื่อยุคใหม่ สาเหตุหลักที่นำไปสู่การปลดพนักงานมีดังนี้

ADVERTISMENT

1.ลดต้นทุน (Cost Reduction) บริษัทสื่อในยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่สูง โดยเฉพาะในส่วนที่เทคโนโลยีสามารถเข้ามาทดแทนแรงงานได้ เช่น การตัดต่อ การผลิตสื่อ และการบริหารจัดการงานหลังบ้าน

2.ปรับโครงสร้างองค์กร ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีช่วยลดความจำเป็นในการใช้แรงงานจำนวนมาก หน้าที่งานที่เคยต้องใช้คนหลายคนอาจสามารถบริหารจัดการได้โดยบุคลากรเพียงคนเดียว หรือแม้กระทั่ง AI และระบบอัตโนมัติก็เข้ามามีบทบาทอย่างมากในอุตสาหกรรมสื่อ

3.แรงกดดันจากผู้ถือหุ้น ช่อง 3 ในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้ถือหุ้นที่ต้องการผลกำไรและการจ่ายปันผลที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทต้องปรับโครงสร้างเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

4.ผลกระทบจากเศรษฐกิจภายนอกและการแข่งขันในโลกดิจิทัล ในยุคดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น การเสพสื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้รายได้จากโฆษณาของสื่อดั้งเดิมลดลงอย่างมาก บริษัทสื่อต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น YouTube, TikTok และ Netflix

ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น บริษัทสื่อระดับโลกอย่าง Meta (Facebook), Amazon และ CNN ก็มีการเลิกจ้างพนักงานในช่วงที่ผ่านมา เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสื่อในยุคใหม่ บทเรียนสำหรับพนักงานในยุคที่ไม่แน่นอน ในยุคที่การเลิกจ้างพนักงานกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับหลายอุตสาหกรรม การปรับตัวและพัฒนาตนเองคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้พนักงานสามารถอยู่รอดได้

1.สร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีทักษะที่หาได้ยากและเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) หรือความรู้เชิงลึกในเทคโนโลยีใหม่

2.สร้างผลงานที่โดดเด่น พัฒนาคุณภาพของงานให้สูงขึ้นและสร้างความแตกต่างที่ทำให้ตนเองเป็นที่ต้องการ

3.รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมงานและผู้บริหาร แสดงถึงความสามารถในการทำงานร่วมกันและเป็นบุคลากรที่องค์กรไม่อยากสูญเสีย

4.พัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและโลกดิจิทัล

คำถามสำคัญคือ ช่อง 3 จะสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้อย่างไรในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การมองหา “The Next Big Thing” ที่จะสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร คือสิ่งที่ช่อง 3 ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนในตลาดสื่อที่มีการแข่งขันสูงนี้ สำหรับพนักงานทุกคน การตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ไม่เพียงแต่การอยู่รอดในอุตสาหกรรม แต่ยังรวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับตัวเราเองในอนาคตอีกด้วย