‘เพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยี 3D Printing’

‘เพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยี 3D Printing’
คอลัมน์ : Pawoot.com 
ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

ในอดีตการสร้างชิ้นงานต้นแบบ หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ มักต้องใช้เวลาและต้นทุนสูง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการขึ้นรูป การหล่อ หรือการตัดเฉือนวัสดุ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยี 3D Printing หรือการพิมพ์สามมิติกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตในแทบทุกอุตสาหกรรม ด้วยความสามารถในการสร้างชิ้นงานที่ซับซ้อนและปรับแต่งได้ตามต้องการ 3D Printing ได้เปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตสินค้าหรือต้นแบบได้อย่างรวดเร็วขึ้น

3D Printing ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่มีหลายเทคโนโลยีที่แตกต่างกันตามลักษณะของวัสดุและกระบวนการสร้างชิ้นงาน ต่อไปนี้คือประเภทหลักของการพิมพ์สามมิติที่ได้รับความนิยม

1.FDM หรือ Fused Deposition Modeling)

วิธีนี้เป็นที่แพร่หลายที่สุด ใช้วัสดุพลาสติกประเภท ABS หรือ PLA หลอมละลายแล้วฉีดเป็นเส้นซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เพื่อสร้างชิ้นงาน ข้อดีของ FDM คือราคาถูก ใช้งานง่าย และเหมาะสำหรับต้นแบบหรือการศึกษาการออกแบบ

2.DLP หรือ Digital Light Processing

เทคโนโลยีนี้ใช้แสงเลเซอร์ฉายลงบนเรซิ่นเหลว เพื่อให้แข็งตัวเป็นชั้น ๆ การพิมพ์แบบ DLP มีความละเอียดสูง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการรายละเอียด เช่น เครื่องประดับ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนของเรซิ่นอาจสูงกว่าวัสดุพลาสติกทั่วไป

3.SLS หรือ Selective Laser Sintering

เทคโนโลยีนี้ใช้เลเซอร์พลังงานสูงยิงไปยังผงวัสดุ เช่น ผงไนลอน ผงโลหะ หรือเซรามิก เพื่อให้วัสดุละลายและยึดเกาะกันเป็นชิ้นงาน ข้อดีของ SLS คือความแข็งแรงของชิ้นงานสูง สามารถพิมพ์วัสดุที่ซับซ้อนและใช้งานได้จริงในภาคอุตสาหกรรม

4.Powder 3D Printing

วิธีนี้ใช้ผงวัสดุ เช่น ยิปซัม หรือผงพลาสติก ผสมกับสารยึดเกาะและสีเพื่อสร้างชิ้นงานที่มีสีสันสมจริง เหมาะกับงานโมเดลหรือศิลปะที่ต้องการสีที่สวยงาม

ADVERTISMENT

จากที่กล่าวมาข้างต้น เทคโนโลยี 3D Printing ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องทดลอง หรือโรงงานขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กและบุคคลทั่วไปสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ต่อไปนี้คืออุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จาก 3D Printing

อุตสาหกรรมออกแบบและผลิตต้นแบบ นักออกแบบสามารถพิมพ์ต้นแบบสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาการพัฒนาและต้นทุนการสร้างโมเดลต้นแบบเดิมที่อาจต้องจ้างโรงงานผลิต

ADVERTISMENT

อุตสาหกรรมยานยนต์ผู้ผลิตรถยนต์เริ่มใช้ 3D Printing ในการสร้างชิ้นส่วนต้นแบบ เช่น กันชนหรือชิ้นส่วนภายในรถ บางกรณีผู้ใช้สามารถพิมพ์ชิ้นส่วนอะไหล่เองได้เลย ช่วยลดเวลาการรอคอยอะไหล่จากต่างประเทศ

อุตสาหกรรมการแพทย์ เทคโนโลยี 3D Printing ถูกนำมาใช้ในการผลิตอวัยวะเทียม อุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ และเครื่องมือแพทย์แบบเฉพาะบุคคล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและลดต้นทุนในการผลิต

อุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องประดับ นักออกแบบสามารถสร้างเครื่องประดับที่มีความซับซ้อนได้ง่ายขึ้น ผ่านการพิมพ์ 3D นอกจากนี้ ยังมีการใช้ 3D Printing ในการผลิตรองเท้าและเครื่องแต่งกายที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า

“อุตสาหกรรมก่อสร้างและสถาปัตยกรรมปัจจุบันมีการพิมพ์โมเดลสถาปัตยกรรม เพื่อใช้ในการออกแบบ และยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ 3D สำหรับการก่อสร้างอาคารจริง เช่น บ้านสำเร็จรูปจากคอนกรีตพิมพ์สามมิติ”

ในอดีตเครื่องพิมพ์ 3D มีราคาสูงตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาท แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ได้พัฒนาไปมาก ทำให้เครื่องพิมพ์มีราคาถูกลง เริ่มต้นเพียงหลักพันบาทเท่านั้น ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงและทดลองใช้งานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ วัสดุสำหรับการพิมพ์ 3D ก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพลาสติก เรซิ่น โลหะ หรือวัสดุชีวภาพ ซึ่งเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถผลิตสินค้าหรือชิ้นงานเฉพาะทางได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง

3D Printing เป็นเทคโนโลยีที่กำลังปฏิวัติวงการผลิตสินค้าทั่วโลก ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการผลิต แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถออกแบบและปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย หากคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจ หรืออยากทดลองสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ 3D Printing อาจเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้คุณเปลี่ยนไอเดียให้กลายเป็นความจริงได้อย่างง่ายดายและคุ้มค่า