Taobao เวอร์ชั่นไทยมาแล้ว ศึกรอบใหม่ธุรกิจไทยจะอยู่อย่างไร ?

pca_Cover_photo2
คอลัมน์ : Pawoot.com
ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

ศึกใหม่ของคนทำธุรกิจไทยมาอีกแล้ว…หลังจากที่ตลาดออนไลน์ของไทยยังไม่ฟื้นตัวจากกำลังซื้อที่ซบเซา วันนี้ยักษ์ใหญ่จากแดนมังกร “Taobao” เครือ Alibaba กลับมาแบบไม่ธรรมดา คราวนี้เขามาเต็มระบบ ! เปิดแอปพร้อมเวอร์ชั่นภาษาไทยเต็มรูปแบบ รองรับการชำระเงินเป็นเงินบาท ส่งฟรีทั่วไทย แถมถ้าซื้อเกิน 400 บาทก็จัดส่งตรงจากจีนถึงหน้าบ้านฟรีอีกต่างหาก

ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน Taobao เริ่มต้นจากโมเดล C2C หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า Consumer to Consumer ซึ่งหมายถึงแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคทั่วไปสามารถเป็นผู้ขายได้ ไม่ต้องมีบริษัท ไม่ต้องมีร้านค้าเป็นทางการ ใครมีสินค้าก็สามารถลงขายใน Taobao ได้เลย กลายเป็นโอกาสทองของคนตัวเล็กในจีนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจผ่านออนไลน์ กลายเป็น “เครื่องปั้นเศรษฐีรุ่นใหม่” แห่งยุคอินเทอร์เน็ตยุคแรกของจีน

จากความสำเร็จของ C2C นี้เอง Alibaba จึงแตกไลน์ใหม่ เปิดตัวแพลตฟอร์ม TMALL ซึ่งเป็นโมเดล B2C หรือเรียกว่า Business to Consumer เพื่อรับมือกับปัญหาสินค้าปลอมที่ระบาดใน Taobao โดย TMALL จะอนุญาตเฉพาะ “เจ้าของแบรนด์” หรือ “ผู้ได้รับอนุญาตจากแบรนด์” เท่านั้นในการขายสินค้า เพื่อเน้นคุณภาพและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ และถ้าพูดถึงรากเหง้าจริง ๆ ของ Alibaba นั้น ต้องย้อนไปถึงโมเดล B2B ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในยุคแรกเริ่ม Alibaba.com เปิดตัวเพื่อให้โรงงานในจีนสามารถเชื่อมต่อกับผู้ค้าทั่วโลกได้โดยตรง

แต่แล้ว… สิ่งที่ดูเหมือนอยู่ไกล กลับโผล่เข้ามาถึงบ้านเรา วันนี้ Taobao ไม่ใช่แค่แอปของคนจีนอีกต่อไป แต่กลายเป็น “ห้างจีนออนไลน์เวอร์ชั่นภาษาไทย” ที่พร้อมเสิร์ฟสินค้ากว่าพันล้านชิ้นตรงถึงมือคนไทย การเข้าใจภาษาไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป คนไทยสามารถเลือกซื้อสินค้าได้โดยตรงจากผู้ผลิตในจีน ผ่านภาษาไทย ชำระเงินด้วยพร้อมเพย์ หรือบัตรเครดิต แล้วนั่งรอของมาส่งฟรีถึงบ้าน ฟังดูดีใช่ไหมครับ แต่นี่แหละคือสัญญาณอันตรายของธุรกิจไทย

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ “อีคอมเมิร์ซเพิ่มทางเลือก” แต่เป็น “ศึกรุกฆาต” ที่สินค้าจีนทั้งราคาถูกและหลากหลายยกพลมาบุกคนไทยถึงหน้าบ้าน แถมตัดหน้าผู้ค้าไทยโดยตรง เพราะ Taobao ไม่ต้องพึ่งพา Lazada หรือ Shopee อีกต่อไป แต่เลือกบุกตลาดเองด้วย Platform ของตัวเอง

ผู้ประกอบการไทยจะทำอย่างไร เนื่องจากธุรกิจค้าปลีก SMEs ที่ขายสินค้าแฟชั่น ของใช้ ของตกแต่ง ที่เคยอยู่รอดในแพลตฟอร์มออนไลน์ วันนี้เจอคู่แข่งที่ไม่ต้องเสียค่าเช่า ไม่ต้องมีหน้าร้าน และต้นทุนถูกกว่า 20-30% ยังไม่รวมเรื่องความรวดเร็วด้านการผลิต เทคโนโลยีที่เหนือกว่า และจำนวนสินค้าที่หลากหลายจนเราคาดไม่ถึง

สิ่งที่น่ากังวลคือ Taobao เริ่มจ้างคนไทยเข้ามาช่วยบริหารระบบหลังบ้าน ทำให้ลูกค้าไทยไม่ต้องมานั่งแปลภาษาจีนเองอีกต่อไป เป็นการ “Localize” ที่แยบยลและน่ากลัวมาก เพราะไม่ใช่แค่แปลแอปเป็นภาษาไทยธรรมดา แต่เขาลงทุน “เข้าใจคนไทย” แบบลึกซึ้ง ทั้งการออกแบบ UX/UI ให้คนไทยใช้งานง่าย มีระบบแปลชื่อสินค้า-รายละเอียดเป็นภาษาไทยอัตโนมัติ รวมถึงการรองรับการชำระเงินด้วยเงินบาท และนี่คือความเสี่ยงใหญ่ของระบบเศรษฐกิจในประเทศ ที่เงินหมุนเวียนภายในจะไหลออกโดยไม่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยเลยแม้แต่น้อย

ADVERTISMENT

ถึงเวลาหรือยัง… ที่ผู้ประกอบการไทยต้อง “ตั้งสติ” และ “ตั้งรับ” อย่างจริงจังกับการบุกของทุนจีน สิ่งที่เราควรทำไม่ใช่แค่โวยวาย แต่ต้องยกระดับสินค้าของตัวเอง สร้างแบรนด์ให้แข็งแรง ใช้ MarTech ให้เป็น ประยุกต์ใช้ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และรวมพลังในรูปแบบสมาคม หรือเครือข่ายธุรกิจ เพื่อมีพลังต่อรองและช่วยเหลือกันได้ และที่สำคัญสุด ๆ คือภาครัฐต้องมีกฎหมายที่ปกป้องธุรกิจท้องถิ่นอย่างจริงจัง ไม่ใช่ปล่อยให้แพลตฟอร์มต่างชาติเข้ามาตักตวงไปหมดแบบนี้

เราอยู่ในยุคที่ “คนไทยกำลังเสียเปรียบในบ้านตัวเอง” หากไม่ลุกขึ้นสู้ตอนนี้ วันหน้าธุรกิจไทยอาจไม่เหลือให้รักษาอีกต่อไป ท้ายสุดนี้ ผมอยากบอกว่า…ศึกนี้ไม่ใช่ศึกธรรมดา แต่คือ “ศึกชี้ชะตาเศรษฐกิจไทย” ใครที่ยังไม่ตื่น ได้เวลาตื่นแล้วครับ.!