เกาหลีจะรวมชาติ

คอลัมน์ คนเดินตรอก

โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร

ข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฝ่ายหนึ่ง กับรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งไม่กี่เดือนมานี้ ทุกคนตกอกตกใจว่าจะบานปลาย กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่

ทางอเมริกาก็ยื่นคำขาดว่า ให้เกาหลีเหนือหยุดโครงการพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป ติดหัวรบปรมาณู สามารถยิงสู่เป้าหมายในสหรัฐอเมริกาได้ทุกแห่ง ทางเกาหลีเหนือก็ขู่ว่า หากอเมริกาไม่หยุดคุกคามเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือก็มีความจำเป็นต้องพัฒนาอาวุธมหาประลัยนี้เพื่อป้องกันตัวเอง หากอเมริกาถล่มเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือต้องยิงถล่มอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นการตอบแทน เป็นที่ตื่นเต้นกันไปทั้งโลก เพราะไม่มีใครมีข้อมูลครบถ้วนว่า อเมริกากับเกาหลีเหนือจริง ๆ แล้วกำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่ เมื่อสถานการณ์พลิกกลับจากหลังมือเป็นหน้ามืออย่างนี้ก็แปลกใจกันไปทั่ว

เริ่มจากการที่เกาหลีเหนือ นำโดยน้องสาวของ ประธานาธิบดี คิม จอง อึน พาทีมนักกีฬาเกาหลีเหนือไปร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน คณะกรรมการโอลิมปิกของเกาหลีใต้ก็ให้การต้อนรับทีมนักกีฬาเกาหลีเหนืออย่างอบอุ่น มากกว่าทีมนักกีฬาชาติอื่น ๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกสำหรับประเทศที่กำลังทำสงครามน้ำลายทำท่าเหมือนกับจะห้ำหั่นกันเสียให้ได้ กลับหันมาจูบปากหรือดีกันในชั่วข้ามคืน สร้างความประหลาดใจกับผู้ที่ติดตามข่าวความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีเป็นอย่างยิ่ง

เกาหลีนั้นเคยถูกยึดครองโดยญี่ปุ่นเป็นเวลากว่า 40 ปี ญี่ปุ่นต้องการผนวกเกาหลีเข้ากับญี่ปุ่นเลยทีเดียว เช่นเดียวกับไต้หวัน หรือฟอร์โมซา ไม่ใช่เป็นอาณานิคมอย่างแมนจูเรียและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ฟิลิปปินส์ มลายู สิงคโปร์ อินโดจีน และพม่า ส่วนไทยนั้นถูกบังคับให้เป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น

ขณะที่ญี่ปุ่นปกครองเกาหลีใต้นั้น คนเกาหลีคับแค้นใจมาก ถูกบังคับให้พูด ให้เขียน แต่งตัว หรือแม้แต่ขนบธรรมเนียมและอาหารการกินก็ต้องเป็นแบบญี่ปุ่น เด็กผู้ชายจะต้องเป็นยุวชนทหารแบบญี่ปุ่น เมื่ออายุครบเกณฑ์ก็จะถูกเกณฑ์เข้ารับราชการในกองทัพญี่ปุ่น แต่เป็นระดับพลทหารและนายทหารชั้นประทวนเท่านั้น ส่วนนายทหารจะเป็นคนญี่ปุ่นเท่านั้น ที่โรงเรียนใครพูดภาษาเกาหลีจะถูกครูทำโทษ คนเกาหลีที่เกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกคนเกลียดชังคนญี่ปุ่นเข้ากระดูกดำ เพราะมีประสบการณ์ที่ทารุณโหดร้าย ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น เราคนไทยไม่ค่อยเข้าใจ

เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม พันธมิตรก็แตกออกเป็น 2 ค่าย ค่ายเสรีประชาธิปไตยซึ่งมีสหรัฐอเมริกากับพันธมิตรตะวันตก อันได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส ฝ่ายหนึ่ง ค่ายคอมมิวนิสต์อันมีสหภาพโซเวียต รัสเซียในสมัยนั้น และจีนซึ่งฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์ที่เป็นผู้ชนะได้ปกครองจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ อีกฝ่ายหนึ่ง เกาหลีถูกแบ่งออกเป็นเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ เหมือนกับเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ เยอรมนีตะวันตกและเยอรมนีตะวันออก รวมทั้งกรุงเบอร์ลินซึ่งอยู่ในเยอรมนีตะวันออกก็แบ่งเป็นเบอร์ลินตะวันตกและเบอร์ลินตะวันออก

เมื่อเวลาผ่านไป เยอรมนีก็สามารถรวมชาติกลายเป็นเยอรมนีเดียว กรุงเบอร์ลินก็กลับมาเป็นกรุงเบอร์ลินเดียว เป็นเมืองหลวงตามเดิม เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ก็รวมกันเป็นเวียดนาม มีกรุงฮานอยเป็นเมืองหลวง ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปตะวันออกที่เคยรวมกันเป็นยูโกสลาเวีย ก็แตกออกเป็นประเทศเอกราชหลาย ๆ ประเทศ

ต่อมาสหภาพโซเวียตก็ล่มสลายกลายเป็นสาธารณรัฐต่าง ๆ ที่รวมอยู่ในสหภาพโซเวียต ซึ่งเดิมเคยเป็นเมืองขึ้นของพระเจ้าซาร์ ต่างก็ประกาศตนเป็นเอกราช เป็นประเทศเล็กประเทศน้อย และประกาศเลิกระบอบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ เอาอย่างประเทศจีน หันกลับมาเป็นระบอบเศรษฐกิจแบบตลาด เป็นทุนนิยมโดยรัฐ state capitalism แบบเดียวกับที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ มุสโสลินี เคยนำมาใช้ที่เยอรมนี และอิตาลี เมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

ประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์ต่างก็ทยอยเลิกเป็นคอมมิวนิสต์ พรรคคอมมิวนิสต์ก็ถูกกองทัพกวาดล้างไปหมด ยังเหลืออยู่เพียง 2 ประเทศ ที่ยังคงยืนหยัดความเป็นประเทศคอมมิวนิสต์อย่างหนักแน่นก็คือ เกาหลีเหนือ และคิวบา

มีคนนินทากันว่า ที่ตระกูลคิมยังคงรักษาอำนาจในเกาหลีเหนือมาถึงรุ่นที่ 3 ต่อจากบิดา คิม จอง อิล และผู้ก่อตั้งประเทศ คิม อิล ซุง ก็เพราะมีจีนหนุนหลังและคอยชักใย เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง พันธมิตรผู้ชนะสงครามตกลงกันว่า ให้แบ่งเกาหลีเป็น 2 ประเทศ คือ เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ โดยใช้เส้นขนานที่ 38 องศาเหนือ เป็นเส้นแบ่งพรมแดน ทันทีที่แบ่งประเทศ กองทัพเกาหลีเหนือ โดยมีจีนคอมมิวนิสต์อยู่เบื้องหลังก็บุกรุกเกาหลีใต้ จนยึดพื้นที่ได้เกือบทั้งหมด

สหรัฐในนามของกองทัพสหประชาชาติได้ยกพลขึ้นบก ตีโต้กองทัพเกาหลีเหนือที่มีจีน และรัสเซียหนุนหลัง ถอยร่นไปถึงชายแดนจีน นายพลแมค อาร์เธอร์ แม่ทัพกองกำลังผสมสหประชาชาติ ซึ่งกองทัพไทยเข้าร่วมด้วย ต้องการตีเข้าไปในจีน ประธานาธิบดีทรูแมน จึงต้องประกาศปลด นายพลแมค อาร์เธอร์ ทันที ทำความผิดหวังให้กับคนอเมริกันเป็นจำนวนมาก เมื่อกลับไปอเมริกามีการต้อนรับอย่างเอิกเกริก เป็นวีรบุรุษสงครามเกาหลี

หลังสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง ราว ๆ ปี ค.ศ. 1960 สงครามเย็นระหว่างค่ายสหรัฐอเมริกา และค่ายสหภาพรัสเซียและจีนก็เกิดขึ้น อเมริกาต้องการแสดงให้โลกเห็นว่า ระบอบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรีนั้นดีกว่าระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ สหรัฐอเมริกาจึงทุ่มเทพัฒนาเกาหลีใต้และไต้หวันอย่างขนานใหญ่ โดยการให้สิทธิพิเศษแก่ 2 ประเทศ ในเรื่องการค้า การลงทุน และเทคโนโลยี ซึ่งไทยเราไม่ได้สิทธิประโยชน์อย่างไต้หวันและเกาหลีใต้ได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นพันธมิตรร่วมเป็นร่วมตายในสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม ทั้งไต้หวัน เกาหลีใต้ เศรษฐกิจจึงเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ไปหมด

จนกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ประชาชาติที่สูงมาก กลายเป็นประเทศพัฒนา เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ หรือ NICs ไปแล้ว แต่ไทยยังไม่เป็น ในขณะที่เกาหลีเหนือ ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์ไม่สามารถตามทัน ยังเป็นประเทศด้อยพัฒนาล้าหลัง ตลาดส่งออกของตนก็แคบลง หลังจากการล่มสลายของค่ายคอมมิวนิสต์ก็เหลือเพียงจีนเท่านั้นที่ยังเป็นตลาดสำคัญของเกาหลีเหนือ

ความกดดันของพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีจึงเกิดขึ้นและรุนแรงยิ่งขึ้น จนเกาหลีต้องปิดประเทศเรื่องข่าวสารจากโลกภายนอก ต้องควบคุมประชาชนของตนเองอย่างเข้มงวด ห้ามการเดินทางออกนอกประเทศ แต่ผู้คนก็พยายามหลบหนีออกจากประเทศ เช่นเดียวกับคนจีนที่พยายามหนีออกจากประเทศในสมัยที่ถูกปกครองอย่างเข้มงวดโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่เหมือนสมัยนี้

หลังจากที่เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้รวมกันโดยวิธีใช้กำลัง ความคิดเรื่องรวมชาติของจีนกับไต้หวันด้วยสันติวิธีก็เกิดขึ้น โดยจีนเป็นฝ่ายเสนอให้ไต้หวันเข้ารวม โดยคงระบบเศรษฐกิจและรัฐบาลไต้หวันตามเดิม แต่ยกเลิกธงชาติและเพลงชาติ ก๊ก มิน ตั๋ง เช่นเดียวกับความคิดเรื่องรวมชาติอย่างสันติวิธีของเกาหลีก็เกิดขึ้น แต่ประเทศที่ขัดขวางคราวนี้น่าจะเป็นจีน เพราะเกาหลีเหนือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดจนเกือบจะเป็นบริวารของจีนไปแล้ว

ความปรารถนาที่จะมีการรวมชาติของประชาชนนั้นมีอยู่เสมอมา จนมีการตั้งกระทรวงกิจการรวมชาติขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย แต่ปัญหาว่าจะเอาเกาหลีใต้ไปรวมกับเกาหลีเหนือ หรือจะเอาเกาหลีเหนือไปรวมกับเกาหลีใต้การที่ประชาชนในเขตเหนือกับเขตใต้แยกกันอยู่เป็นเวลานานกว่า 70 ปี แม้ว่าทั้ง 2 ประเทศต่างก็มีญาติพี่น้องอยู่คนละประเทศก็ตาม ความรู้สึกนึกคิดวัฒนธรรมทางการเมือง ระบบการศึกษา เศรษฐกิจและสังคม คงจะแตกต่างกันอย่างมาก การปรับตัวเข้าหากันต้องใช้เวลา

เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายสามารถพูดจากันได้เลิกเป็นศัตรูที่จะห้ำหั่นกัน เพราะความเป็นศัตรูกันของมหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของแต่ละฝ่าย ความเป็นชาตินิยมของทั้ง 2 ฝ่าย ที่ต้องการจะสลัดตนออกจากแอกของสหรัฐอเมริกา ในกรณีเกาหลีใต้ และจากจีน ในกรณีเกาหลีเหนือ ที่มหาอำนาจทั้งสองฝ่ายใช้เกาหลีเหนือ และใต้ ทำสงครามตัวแทนของตน ผู้ที่เสียหายก็คือประชาชนชาวเกาหลี ทั้งเหนือและใต้ ดังจะเห็นได้ หลังสงครามเกาหลีที่บ้านเมืองของทั้ง 2 ฝ่ายราบเรียบเป็นหน้ากลอง จากการทิ้งระเบิดของฝ่ายอเมริกาและพันธมิตร เกาหลีทั้งเหนือและใต้ต้องก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น

หากจะมีการรวมประเทศกันจริง ๆผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายต้องเสียสละอย่างมหาศาล ผู้นำเกาหลีเหนือต้องเสียสละอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ ทั้ง ๆ ที่ตระกูลคิมได้กลายเป็นราชวงศ์ใหม่ของเกาหลีไปแล้ว ทางใต้ต้องเสียสละเงินทองทุนสำรองเพื่อช่วยเหลือผู้คนทางภาคเหนือ เหมือนกับเยอรมนีตะวันตกต้องเสียทรัพย์สินเงินทองช่วยเหลือเยอรมนีตะวันออก และใจกล้าพอที่จะยอมรับนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ใจเยอรมนีตะวันออก มาเป็นนายกฯของเยอรมนีอย่างในขณะนี้หรือไม่

ทั้งหมดนี้คงเป็นเพียงความฝัน ยากที่จะเกิดขึ้น