ประวัติ เดลฟีน อาร์โนลต์ ลูกสาวเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก สู่เจ้าแม่วงการแฟชั่น

ประวัติ เดลฟีน อาร์โนลต์ ลูกสาวเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก สู่เจ้าแม่วงการแฟชั่น
(Photo by Christophe ARCHAMBAULT / AFP)

เปิดประวัติ “เดลฟีน อาร์โนลต์” ลูกสาวของมหาเศรษฐีผู้รวยที่สุดในโลก ขึ้นแท่นสตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการแฟชั่น ในฐานะซีอีโอของ “ดิออร์”

“เดลฟีน อาร์โนลต์” ลูกสาวคนโตของ “แบร์นาร์ด อาร์โนลต์” ประธานแอลวีเอ็มเอช (LVMH) กำลังจะเข้ารับตำแหน่งสูงสุดของแบรนด์ “คริสเตียน ดิออร์” หลังจากทำงานที่ “แมคคินซีย์” (McKinsey) ในช่วงสั้น ๆ และทำงานในหลายบทบาทให้กับแอลวีเอ็มเอช ตั้งแต่ปี 2553

เช่นเดียวกับลูกคนอื่น ๆ ของแบร์นาร์ด ที่ต้องทำงานให้แบรนด์ต่าง ๆ ในเครือแอลวีเอ็มเอช เช่น หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton), เบอร์ลูติ (Berluti) และแทค ฮอยเออร์ (TAG Heuer)

“เดลฟีน อาร์โนลต์” เกิดใกล้กรุงปารีส เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2518 เธอเป็นลูกของแบร์นาร์ดกับภรรยาคนแรกของ “แอน เดวาฟริน”

ในฐานะลูกสาวคนโต (เธอมีน้องชาย 4 คน) เธอนับเป็นทายาทของอาณาจักรสินค้าหรูที่มีมูลค่ากว่า 13 ล้านล้านบาท

เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนประถมในกรุงปารีส ที่มีกฎให้พูดภาษาอังกฤษ จึงทำให้เธอใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว

หลังจบการศึกษาจากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน เมื่อปี 2540 เดลฟีนได้เข้าทำงานที่แมคคินซีย์

“ฉันได้เรียนรู้ด้านกลยุทธ์” เธอกล่าวกับไฟแนนเชียลไทมส์ พร้อมระบุว่า “ในการนำเสนอที่อเมริกา พวกเขาจะเริ่มต้นด้วยบทสรุป ก่อนจะกล่าวถึงวิธีที่จะไปสู่จุดนั้น และฉันพบว่าน่าสนใจมาก มันตรงประเด็น”

2 ปีต่อมา เธอได้ร่วมงานกับดีไซเนอร์ดังอย่าง “จอห์น กัลลิอาโน” (John Galliano) ซึ่งช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นมากขึ้น โดยในเวลานั้น “กัลลิอาโน” ยังเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของดิออร์

เมื่อปี 2548 เธอแต่งงานกับทายาทบริษัทไวน์อิตาลี “อเลสซานโดร วัลลาริโน กานเซีย” ซึ่งฟอร์บสเรียกว่าเป็น “งานแต่งงานแห่งปีของฝรั่งเศส” แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็หย่าร้างกันเมื่อปี 2553

(Photo by JACQUES DEMARTHON / AFP)

จากนั้นเธอจึงเริ่มสานสัมพันธ์กับมหาเศรษฐีด้านโทรคมนาคมชาวฝรั่งเศส “ซาวิเยร์ นีเอล” ตอนนี้ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน

เมื่อปรากฏวิดีโอที่กัลลิอาโนแสดงความเห็นต่อต้านชาวยิว ทำให้เขาถูกไล่ออกจากดิออร์ เมื่อปี 2554 เดลฟีนได้รับความไว้วางใจให้จัดการเพื่อป้องกันผลกระทบต่อบริษัท และครั้งนั้นได้มีการแต่งตั้ง “ราฟ ซิมงส์” เข้ามาทำหน้าที่แทนกัลลิอาโน

ตั้งแต่ปี 2556 เดลฟีนได้เข้ามารับผิดชอบกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของหลุยส์ วิตตอง ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของแอลวีเอ็มเอช

เธอกล่าวกับไฟแนนเชียลไทมส์ว่า สไตล์การบริหารของเธอนั้น “ค่อนข้างสงบเงียบ” แม้ว่าเธอจะชอบไปเยี่ยมร้านต่าง ๆ ในเครือเสมอ ในช่วงบ่ายวันเสาร์อันแสนวุ่นวาย

ตอนอายุ 43 ปี เดลฟีนกลายเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุด และเป็นผู้หญิงคนที่ 2 ในคณะกรรมการบริหารของแอลวีเอ็มเอช ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา

เดือนมกราคม 2566 แอลวีเอ็มเอชประกาศว่าเธอจะเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของคริสเตียน ดิออร์ แทนที่ “ปิเอโตร เบคคารี” ซึ่งจะย้ายไปบริหารหลุยส์ วิตตอง

(Photo by ALAIN JOCARD / AFP)

“ภายใต้การนำของเธอ ทำให้ความต้องการในผลิตภัณฑ์หลุยส์ วิตตอง เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กระทั่งสามารถสร้างยอดขายทำลายสถิติเดิมบ่อยครั้ง” บิดาของเธอระบุในแถลงการณ์ พร้อมยกย่องว่า “ข้อมูลเชิงลึกที่เฉียบคมและประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของเธอ จะเป็นปัจจัยชี้ขาดในการผลักดันการพัฒนาคริสเตียน ดิออร์ อย่างต่อเนื่อง”

“โธมัส โชเวท” นักวิเคราะห์ของซิตี้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า “การวางแผนสืบทอดตำแหน่งที่มีบทบาทในเชิงกลยุทธ์ เป็นเครื่องมือที่นำไปสู่ความสำเร็จของแบรนด์หลัก ๆ ในเครือแอลวีเอ็มเอช ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา”