จิรายุ ควง ชัชชาติ ลงพื้นที่คลองสามวา ย้ำชานเมือง ไม่ใช่ชนบท อย่าสนใจแต่ กทม.ชั้นใน ยื่น 5 ข้อเร่งแก้ปัญหารถติด
วันที่ 6 สิงหาคม 2565 ที่เขตคลองสามวา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.นฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ ส.ก.กทม. เขตคลองสามวา พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เขตคลองสามวา
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ทั้งนี้ นายจิรายุกล่าวว่า เป็นนิมิตหมายอันดีที่ผู้ว่าฯกทม. นายชัชชาติลงมาดูปัญหาของประชาชนในเขตคลองสามวา ซึ่งวันนี้ประชากรในฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ พุ่งสูงขึ้น โดยพื้นที่เขตคลองสามวา ตั้งแต่ถนนรามอินนทรา, คู้บอน, หทัยราษฎร์, นิมิตใหม่, เลียบคลองสอง, ประชาร่วมใจ และถนนปัญญารามอินทรา มีประชาชนอยู่อาศัยกว่า 250,000 คน ไม่นับรวมประชากรแฝงอีกหลายหมื่นคน และมีหมู่บ้านจัดสรรขึ้นเป็นจำนวนมาก
โดยทางกายภาพของพื้นที่กลับไม่มีบริการสาธารณะ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 95 ใช้รถยนต์ส่วนตัว ทำให้ในแต่ละวันมีการจราจรติดขัดอย่างหนัก ยิ่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนจะมีปัญหาอย่างมาก เนื่องจากในพื้นเขตคลองสามวามีแยกใหญ่กว่า 5 แห่ง แต่ไม่มีสะพานลอยข้ามแยกแม้แต่จุดเดียว
นายจิรายุกล่าวว่า ตนได้อภิปรายในรัฐสภาตั้งแต่ปี 2562 มาจนถึงปัจจุบันมากกว่า 5 ครั้ง เรียกร้องให้กทม.ดำเนินการแก้ไข แต่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ อาจเป็นเพราะส.ก.ก็มาจากการแต่งตั้งของ คสช. เลยไม่ค่อยใกล้ชิดกับประชาชน แถมผู้ว่าฯกทม.ก็มาจาก ม.44 ของคสช. กทม.เลยเสียโอกาสไปกว่า 5 ปี ขณะที่กรุงเทพฯชั้นในที่มีประชากรน้อยแค่หลักหมื่นกลับได้รับการแก้ไขปัญหา ทั้งทำอุโมงค์ข้ามแยก สะพานข้ามแยก ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อคนกรุงเทพฯคลองสามวากว่า 3 แสนคนที่เสียภาษีให้รัฐบาลและ กทม.เหมือนกัน
วันนี้ตนและส.ก. จึงเชิญนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. มาดูในจุดที่มีปัญหาอย่างหนัก ที่แยกพระยาสุเรนทร์ตัดถนนปัญญาและถนนสุเหร่าคลองหนึ่ง ซึ่งเพราะเป็น 5 แยก วันนี้ตนจึงขอให้คุณชัชชาติในฐานะผู้ว่าฯกทม. ได้โปรดให้ความสำคัญกับชานเมืองด้วยการพิจารณาจัดทำสะพานข้ามแยก ซึ่งจะลดการติดขัดได้มาก ซึ่งในพื้นที่เขตคลองสามวามีทั้งหมด 4 จุดใหญ่ที่จำเป็นต้องดำเนินการ ซึ่งอาจทยอยทำในแต่ละปีงบประมาณได้ ซึ่งคนที่นี้เรียกร้องมาตลอดว่า ชานเมืองไม่ใช่ชนบท สิทธิประโยชน์ต้องเท่าเทียม
น.ส.นฤนันมนต์กล่าวว่า ในพื้นที่มีสภาพปัญหาที่หมักหมมมานาน ทั้งในหลักการจัดสรรงบประมาณที่กลับใช้วิธีหารเท่ากันทุกเขต 50 เขต ทั้ง ๆ ที่เขตชั้นในมีพื้นที่เล็กประชากรน้อยแค่ 3-4 หมื่น แต่กลับได้งบประมาณใกล้เคียงกับเขตที่มีประชากรกว่า 2.5 แสน ที่ผ่านมาก็เลยเห็นกทม.ชั้นในเดี๋ยวเปลี่ยนต้นไม้เกาะกลาง เดี๋ยวเปลี่ยนพื้นทางเท้าเป็นประจำ
นอกจากนี้ การออกแบบถนน การวางแผนแก้ไขปัญหาเพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มขึ้น ก็ทำอย่างไม่เป็นรูปธรรม โดยตนขอเสนอให้ผู้ว่าราชการได้พิจารณาดังนี้ ถนนหทัยราษฎร์มีเพียง 2 เลน การจราจรหนาแน่น แต่กลับมีเกาะกลางถนนใหญ่เกินความจำเป็น
ทำให้รถจอดข้างทางเพียง 1 คันก็จะเสียเลนในการสัญจรไป-มา โดยมีข้อเสนอแนะให้ลดขนาดเกาะกลางถนนและเพิ่มเลนถนน อีกทั้งจัดทำสะพานข้ามแยกบริเวณแยกหทัยมิตร เนื่องจากสี่แยกเป็นมุมทแยงทำให้รถติดขัดสะสม ก็จะลดปริมาณการติดขัดจาก 6 แยกจะเหลือเพียง 3 แยกเท่านั้น
2.บริเวณห้าแยกลำกะโหลก ซึ่งผู้ว่าราชการเคยมาดูสภาพการจราจร เนื่องจากมีหมู่บ้านภายในซอยเป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก โดยมีข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข : จัดทำสะพานเหล็กข้ามแยกบนถนนพระยาสุเรนทร์ข้ามแยกลำกะโหลกเพื่อจะลดการจราจรจากห้าแยกเหลือเพียงสามแยกได้
3.ขยายถนนพระยาสุเรนทร์ช่วงแยกตัดคู้บอนมุ่งหน้าวัดพระยาสุเรนทร์ ซึ่งเป็นเลนสวนมาตั้งแต่ปี 2520 จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการขยายถนน ทั้ง ๆ ที่เป็นทางระบายรถไปเชื่อมต่อกับวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งสามารถไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ได้
4.บริเวณถนนนิมิตใหม่ รถจำนวนมากจากลำลูกกา มุ่งหน้ามีนบุรี บริเวณสามแยกนิมิตใหม่ตัดหทัยมิตรและสามแยกถนนสุดใจ ซึ่งเป็นสี่แยกที่มีความทแยง ทำให้รถติดสะสม หากมีสะพานข้ามทางแยกดังกล่าวก็จะทำให้การจราจรคล่องตัวในทุกช่วงเวลา ซึ่งทั้งหมดนี้ตนและส.ส.พื้นที่ จะนำเสนอในที่ประชุมรัฐสภา และสภากทม. อีกครั้งเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในยุคผู้ว่าฯชัชชาติผู้ว่าฯของประชาชนคนกรุงเทพฯ ต่อไป