ประวิตร ลั่น กวาด ส.ส.หนองคาย ยกจังหวัด สุริยะ อ้อน ขอจัดตั้งรัฐบาล

พลังประชารัฐ ยกทัพ ปักธงอีสาน เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.หนองคาย 3 เขต ประวิตร ลั่น กวาด ส.ส.ยกจังหวัด ไฮปาร์ก ผ้าขาวม้าเชื่อมโลก สุริยะ ปั้นเขตเศรษฐกิจพิเศษอีสาน อ้อน เลือกตั้งครั้งหน้าเลือกพลังประชารัฐ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล   

วันที่ 6 สิงหาคม 2565 ที่จังหวัดหนองคาย ตรงข้าม Chic Chic Market พรรคพลังประชารัฐ เดินสายจัดโรดโชว์ ภายใต้หัวข้อ “พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย” เป็นครั้งที่ 2 โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแกนนำพรรคมาร่วมงานและขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยผลงานของรัฐบาล อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคและรมว.อุตสาหกรรม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคและรมว.ดีอีเอส นายอนุชา นาคาศัย กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กก.บห. และพล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ กก.บห. โดยมีประชาชนเข้ามาร่วมฟังการปราศรัยกว่า 4,000 คน

ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐยังได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.จังหวัดหนองคาย 3 เขต ประกอบด้วย นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 1 น.ส.ปภาสิริ ศรีตะบุตร ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 2 และ นายศักดิ์ดา จันทรสุวรรณ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 3

พล.อ.ประวิตรขึ้นกล่าวปราศรัยว่า พี่น้องเอ๊ย ๆ น้ำคือชีวิต รัฐบาลตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีจึงได้นำน้ำจากใต้ดิน หรือน้ำบาดาลนั้นมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้มากกว่า 9 ล้านครอบครัวแล้ว และจะยังเดินหน้าต่อไปให้สมกับคำที่ว่ามีเราไม่มีแล้ง เราหมายถึงพรรคพลังประชารัฐจะไม่มีแล้ง และตลอด 3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีพื้นที่ประกาศภัยแล้ง

“ในช่วงฤดูแล้งไม่มีแล้งเลย จะบอกว่าผมไม่รู้ ไม่รู้ แต่ไม่มีแล้ง ไม่มีแล้งแน่ ๆ ตลอดต่อไปนี้จะไม่มีแล้ง และเราจะพยายามทำให้ทั่วประเทศนั้นไม่มีแล้ง ผมจะทำให้คนอีสานนั้น ไม่แล้ง ไม่จน สร้างคนสร้างงาน” พล.อ.ประวิตรกล่าวปราศรัย

พล.อ.ประวิตรกล่าวปราศรัยว่า ทุกครั้งที่ตนเดินทางมาภาคอีสาน พิธีตอนรับของพี่น้องชาวอีสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผูกผ้าขาวม้ารอบเอว ตนอยากบอกด้วยคำพูดกับพี่น้องที่จริงใจว่า ผ้าขาวม้าเชื่อม โลก ต่อจากนี้ไปภาคอีสานจะเป็นภาคที่เชื่อมโลก เป็นภาคที่รุ่งโรจน์และมีผลิตภัณฑ์สินค้าและการกระจายสินค้าและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดหนองคาย

“รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์มุ่งจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มากที่สุด ให้เชื่อมทั้งโลกด้วยภาคอีสาน และเชื่อมทางรางด้วยรถไฟความเร็วสูงจากจีนเข้าสู่สปป.ลาว ทะลุหนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น โคราช สู้กรุงเทพฯ ลงใต้สู่ประเทศมาเลเซีย เชื่อมทางบก สองมหาสมุทรแปซิฟิกและอันดามันเข้าด้วยกันด้วยเส้นทางอีสต์-เวสต์ คอริดอร์ ดานัง เวียดนาม สุวรรณเขต มุกดาหาร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ ทะลุตาก ไปเมียนมา ออกทวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางยกระดับกรุงเทพฯ-โคราช ผ่านลำตะคอง ทำถนนสี่เลนเชื่อมจังหวัดในภาคอีสานได้มากเป็นประวัติการณ์ ภาคอีสานจะเชื่อมโลก เชื่อมทางอากาศผ่าน 3 สนามบิน ได้แก่ อุดรธานี ขอนแก่น และอุบลราชธานี เป็นสนามบินนานาชาติไปทั่วโลกได้” พล.อ.ประวิตรกล่าวปราศรัย

พล.อ.ประวิตรกล่าวปราศรัยทิ้งท้ายว่า ขอให้มั่นใจและเชื่อใจพรรคพลังประชารัฐ ใจถึงพึ่งได้ และเพื่อพี่น้องชาวอีสานและชาวไทยทุกคน เราทำให้ทุกคนอยู่ดีกินดีขึ้น ฝากพรรคพปชร.ไว้กับชาวอีสานทุกคนด้วย และขอให้เลือกว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 3 คนของจังหวัดหนองคาย ให้เป็น ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชารัฐ

พล.อ.ประวิตรกล่าวก่อนขึ้นปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐวางตัวผู้สมัครส.ส.หนองคายทั้ง 3 เขต เพื่อชนะ ตนพยายามทำเต็มที่ พรรคพลังประชารัฐไม่เคยมีส.ส.หนองคายเลย การเลือกตั้งครั้งหน้าตั้งเป้าหมายชนะทั้ง 3 เขต ส่วนพรรคเพื่อไทยที่มีส.ส.เป็นเจ้าของพื้นที่อยู่ขณะนี้ การเลือกตั้งครั้งหน้าก็ต้องแข่งขันกัน ใครชนะก็เอาไป ตนจะเอาทั้ง 3 เขต ยกจังหวัด และภาคอีสานจะได้ส.ส.มากขึ้น

นายสุริยะกล่าวปราศรัยว่า เมื่อ 4 ปีก่อน ตนได้เดินทางมาปราศรัยกับชาวอีสานทุกจังหวัด รวมถึงจังหวัดหนองคายด้วย และได้ให้สัญญากับพี่น้องชาวอีสานว่า ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล เราจะทำให้ความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวอีสานดีขึ้น พล.อ.ประวิตรและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ทำให้สัญญาที่ตนได้หาเสียงไว้กับพี่น้องชาวอีสานเป็นจริงขึ้นมา ในอดีตหลายคนอาจจะมีภาพจำว่าที่อีสานจะมีแต่โรงสีข้าว โรงงานสำปะหลัง แต่ทุกวันนี้ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตรได้กำชับมาต้องช่วยกันดูแล

นายสุริยะกล่าวว่า ตนในฐานะรมว.อุตสาหกรรม ได้ขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อนำความเจริญ รายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีมาสู่ท้องที่และภาคอีสาน เช่น หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การพัฒนาอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย ปัจจุบันมีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว 4 โครงการ วงเงินกว่า 1,900 ล้านบาท เป็นกิจกรรมยางแท่ง พลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา ธุรกิจตั้งใหม่ 951 ราย วงเงินกว่า 1,600 ล้านบาท รวมถึงการประกอบโรงงานในจังหวัดหนองคาย ณ สิ้นปี 2564 กว่า 200 โรง คิดเป็นเงินลงทุนกว่า 7,300 ล้านบาท และมีคนงานจำนวนกว่า 4,400 คน

นายสุริยะปราศรัยต่อไปว่า ในอนาคตหลายโครงการของรัฐบาลชุดนี้กำลังจะดำเนินโครงการอยู่ เช่น โครงการเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟไทย-ลาว-จีน การก่อสร้างโครงการถนนเลี่ยงเมืองหนองคาย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย ซึ่งจะช่วยผลักดันการลงทุนในพื้นที่กว่า 3 แสนล้านบาท เราจะผลักดันให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งในปี 64 มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสปป.ลาวสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท โดยไทยได้ดุลการค้าตัวเลขด่านศุลกากรหนองคายจากการส่งออกกว่า 6 เท่า และคิดเป็นเพิ่มขึ้น 23% หรือ 12,000 ล้านบาท

“รัฐบาลสามารถสร้างงานในภาคอีสาน ถ้าหากสามารถสร้างโรงงานเพิ่มขึ้นได้อีก พี่น้องจะไม่ต้องลงไปทำงานในกรุงเทพฯ หรือภาคตะวันออก เพราะสามารถทำงานในท้องที่ ในบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งจะทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ถ้าไปทำงานในกรุงเทพฯ มีรายได้มากก็จริง แต่ค่าใช้จ่ายก็มาก จะเหลือเงินกลับมาส่งเงินให้ครอบครัวเหลือน้อยนิดเดียว ถ้าโครงการเศรษฐกิจพิเศษของภาคอีสานสำเร็จ พี่น้องของท่านก็จะได้อยู่กับท่าน ความสงบสุขก็จะเกิดขึ้น มาความสุข” นายสุริยะกล่าว

นายสุริยะปราศรัยทิ้งท้ายว่า ในการเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้า ตนขอความกรุณาให้พี่น้องชาวหนองคายเลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐทั้ง 3 ราย เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง จะได้เปิดโอการให้พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรได้ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นประโยชน์ให้พี่น้องชาวไทย รวมทั้งพี่น้องชาวจังหวัดหนองคาย