นับถอยหลังนาฬิกาชีวิต “บิ๊กป้อม” พิสูจน์ทรัพย์เพื่อนตาย-ป.ป.ช.เที่ยงตรง ?

การเมืองปี 2561 เปิดฉาก-โหมโรงร้อนฉ่าไปทั้งกระดานการเมือง เมื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม สะดุดขาตัวเอง-สะเทือนไปทั้งทำเนียบรัฐบาล-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ปมแหวนเพชร-นาฬิกาหรู โดยเฉพาะนาฬิกาข้อมือ “ริชาร์ดมิลล์” เกิดตัวละครใหม่-บุคคลที่สาม เป็นเอกชน 4 ราย  จากหนังสือชี้แจง ที่ “บิ๊กป้อม” ยื่นบัญชีพยาน-ลากเข้ามาติดบ่วงกรรม ยังต้องรอการพิสูจน์จะดึง “บิ๊กป้อม” ขึ้นมาจากหุบเหวได้หรือไม่

เขย่า “บิ๊กป้อม” กระทบ “บิ๊กตู่”

จากวรรคทองแห่งปี “นาฬิกาของเพื่อน”-“เพื่อนที่ตายแล้ว” ของ “บิ๊กป้อม” หวังลึก ๆ ว่า “คนตายพูดไม่ได้” จะทำให้พ้น “ข้อครหา” จากการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ทว่า “ภาพหลอน” ต่างกรรม-ต่างวาระของ “บิ๊กป้อม” ขณะสวมใส่นาฬิกาหรู กว่า 25 เรือน ถูก “ขุดคุ้ย” ออกมาตีแผ่ ทำให้ “บิ๊กป้อม” ตั้งการ์ดสูงว่า นาฬิกาทั้งหมด “ยืมเพื่อนมาใส่-คืนไปหมดแล้ว”

การพลิกคำให้การนอกสำนวนของ “บิ๊กป้อม” ว่า นาฬิกาทั้งหมดไม่ใช่ของตัวเอง ทำให้ “หักร้าง” ข้อกฎหมายไปโดยปริยาย หาก “บิ๊กป้อม” ชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ว่า ได้นาฬิกาภายหลังยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน-หนี้สินเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2557

เปิดตัวเจ้าของ “นาฬิกาเพื่อน”

หากนาฬิกาทุกเรือน เป็นของเพื่อน-บุคคลที่สาม ป.ป.ช.จึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า นาฬิกา “เป็นของเพื่อน” ไม่ใช่ของ “บิ๊กป้อม” จริงหรือไม่

และการแก้ต่างว่า “ยืมนาฬิกาเพื่อนมา” ถึงแม้ว่าจะคืนเพื่อนไปหมดแล้ว ถือว่า “ความผิดสำเร็จ”-“ฟังขึ้น” หรือไม่ ป.ป.ช.จึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า “ให้ยืม” หรือ “ให้เลย” กันแน่

บุคคลที่ 3 “เพื่อน” ที่ “บิ๊กป้อม” อ้างถึง คือ “เสี่ยคราม” หรือ “เจ้าสัวคอมลิงค์” นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์

“เพื่อนรัก-ซี้ปึ้ก” และยังคบหาสมาคมตลอด 60 ปี ตั้งแต่เรียนโรงเรียน “ขาสั้น” ป.1 โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ซึ่ง “เสี่ยคราม” เสียชีวิตไปแล้วเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560

ว่ากันว่า ภายหลังเกิดเรื่อง “แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน” ทำให้ “บิ๊กป้อม” นำนาฬิกาทั้งหมดที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า
“ยืมมา” หรือ “ให้เลย” คืนไปยังครอบครัว “สุขศรีวงศ์” ทันที

ลั่นผิดจริง พร้อมลาออก

การออกมาปัดป้อง-กึ่งรุกรับ ว่าเป็น “เหยื่อ” โลกโชเชียลเพราะถูกนำภาพขณะสวมใส่นาฬิกามา “วนซ้ำ” เสมือนประหนึ่งว่า มีหลายเรือน อย่างไรก็ตาม “บิ๊กป้อม” ก็ไม่ได้ฟ้องร้องเป็นคดีความแต่อย่างใด

เพราะการนำภาพ-รูปนาฬิกา ที่ “บิ๊กป้อม” สวมใส่ต่างกรรม-ต่างวาระ อันเป็นเท็จ-ตัดต่อให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง ย่อมผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ อย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าเป็นภาพจริง-ของจริง

ก่อนที่จะปากกล้าขาสั่น-ใจดีสู้เสือ ประกาศลั่น “พร้อมลาออก” หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ว่า “ผิดจริง” ภายหลัง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเรียกร้อง-กดดันให้ “บิ๊กป้อม” แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยยก “ลูกทีม” ทั้ง “วิฑูรย์ งามบุตร” และ “วิทยา แก้วภราดัย” ที่ “โชว์สปิริต” ลาออกจากตำแหน่ง รมต.-ปลดชนวนระเบิดให้กับ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ในขณะนั้น

ลุ้น “บิ๊กป้อม” ลาออก

กระแสเขย่าขวัญ “บิ๊กป้อม” ยังไม่มีทีท่าที่จะหยุดหย่อน เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าจะมีนาฬิกาเรือนที่ 26 เรือนที่ 27 ออกมาแฉอีกหรือไม่ ยิ่ง “บิ๊กป้อม” ชี้แจงก็ยิ่งให้การ “สารภาพ” ไปโดยไม่รู้ตัว

หนำซ้ำยิ่งจะทำให้สะเทือนไปถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-คสช. ถึง “ธรรมาภิบาล” พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้อง “ดีดลูกคิด” ว่า การอุ้ม “บิ๊กป้อม” ไว้ จะเป็น “ผลดี” หรือ “ผลเสีย” เว้นแต่ “บิ๊กป้อม” จะตัดสินใจ “ลาออกเอง”

เพราะขณะนี้รัฐบาล-พล.อ.ประยุทธ์ และ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” แม่ทัพเศรษฐกิจ กำลังโกยแต้มคะแนนนิยม-เดินสายรุกแก้จนทั่วประเทศ ด้วยเม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 กว่า 1.5 แสนล้านบาท

ล่าสุด ตั้งคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาประเทศไทยสู่ความยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและเหลื่อมล้ำ มี “พล.อ.ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะ-รองนายกฯ ทุกคนเป็นรองประธาน พร้อมทั้งตั้งทีมขับเคลื่อนไทยอย่างยั่งยืน 7,463 ทีม ตามจำนวนตำบล-เทศบาล

แผนนายกฯคนนอก “สะดุด”

อีกขาหนึ่ง “พล.อ.ประยุทธ์” ก็โยนหินถาม “10 คำถาม 1 คำตอบ” แทงกั๊ก กลับมาเป็น “นายกฯคนนอก” เลื่อนล็อก-เปิดทาง “แจ้งเกิด” พรรคทหาร-นอมินี คสช.

ขณะเดียวกันในช่วงสุญญากาศ-พรรคการเมืองขยับเขยื้อนไม่ได้ “พล.อ.ประยุทธ์” ก็รุกแลกทางการเมือง ประกาศเจตนารมณ์ทางการเมือง-ชูธงประชาธิปไตย “ไทยนิยม” หาแนวร่วม

ภายหลัง “ป๋าเปรม”-พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมาเตือนแรง ๆ ว่า “ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว”

วิกฤตศรัทธา ป.ป.ช.

ถึงแม้ว่าจุดตาย “รัฐบาล-คสช.” จะถูกแขวนไว้กับ “บิ๊กป้อม” ที่มี “บิ๊กกุ่ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
ประธาน ป.ป.ช. “ลูกน้องเก่า” ทว่าในทางกลับกัน ป.ป.ช. ก็กำลังถูกมรสม-ท้าทายความน่าเชื่อถือ-ก่อเกิดเป็น “วิกฤตศรัทธา” เช่นกัน

ยิ่งเมื่อ “วรวิทย์ สุขบุญ” เลขาธิการ ป.ป.ช.ใช้คำว่า  “ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้” เป็นหลังพิงฝา-จนมุมกระสุนนักข่าวชนิดเกือบโดนน็อกกลางเวทีนาฬิกาหรู-แหวนเพชรจึงเกิดเครื่องหมายคำถามคำโต ว่า ป.ป.ช.ในยุค “บิ๊กกุ่ย” ที่มี “วรวิทย์” เลขาธิการ ป.ป.ช.คนใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นมือตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ตั้งแต่เป็นรองเลขาธิการ ป.ป.ช. จะมา “ตกม้าตาย” ในรัฐบาล-คสช. หรือไม่

ยื่นศาล รธน.ตีความต่ออายุ

คู่ขนานกับการเคลื่อนไหวของ 26 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สายนายพล ที่ยกมือไม่เห็นด้วย-งดออกเสียงการ “ต่ออายุ” กรรมการ ป.ป.ช. 7 คน ที่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

โดยเข้าชื่อเพื่อยื่นต่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เพื่อส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่… พ.ศ. … ในบทเฉพาะกาลมาตรา 178 ต่ออายุให้กรรมการ ป.ป.ช. 7 คน ว่า มีลักษณะต้องห้าม-ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

ฟื้นคดี 40 ส.ส.เพื่อไทย

ขณะที่เรื่องราวของกลุ่ม อดีต 40 ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่เปิดปฏิบัติการ “ตีปลาหน้าไซ” ออกมาจุดประเด็นดักคอ ว่าคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.ที่มี “สุภา ปิยจิตติ” เป็นประธานอนุกรรมการ กำลังจะชี้มูลความผิดในข้อหาเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย

หลังจากคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวได้รับการแต่งตั้งเมื่อ 14 ก.ย. 2559 การไต่สวนผ่านมาปีเศษ มีการเรียกคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาให้ข้อมูลครบถ้วน

ข่าวก็มาถึงหูของคนใน พท. ว่าคณะอนุฯ กำลังสรุปเรื่องและกำลังชี้มูลความผิด ร้อนถึง “พล.ต.อ.วัชรพล” ต้องออกมาดับกระแสว่า คณะอนุกรรมการยังอีกนาน

พท.โต้กลับ ป.ป.ช.ละเมิด

ทว่า เบื้องลึก-เบื้องหลังที่ “อดีต ส.ส.พท.” ออกมาจุดประเด็น เพราะเรื่องดังกล่าวได้มี “บวร ยสินธร” ประธานเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้อง 3 สถาบัน ไปยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการเอาผิด 40 ส.ส.พท. มาแล้วครั้งหนึ่งในยุค ป.ป.ช.ที่มี “ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ” เป็นประธาน แต่ ป.ป.ช.ขณะนั้น ไม่รับเป็นเรื่องร้องเรียนเพราะเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส.ที่จะพิจารณากฎหมาย

ครั้นมาถึง ป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ่ย” ได้มีการยื่นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง และ ป.ป.ช.มีมติรับคำร้องและตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง

ขณะนี้ นางสมหญิง บัวบุตร อดีต ส.ส.อำนาจเจริญ ตัวแทนกลุ่ม 40 ส.ส. ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบวร และคณะกรรมการ ป.ป.ช. 9 คนเป็นจำเลยในความผิดฐานละเมิด พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี และศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ พ 821/2560 โดยจะสืบพยานโจทก์นัดแรก 13 ก.พ. 2561


มูลเหตุ-ปัจจัยทั้งหมดกำลังสุมไฟ กลายเป็นระเบิดเวลาธรรมาภิบาลของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-วิกฤตศรัทธา ป.ป.ช.