“ดำรงค์ พิเดช” งัดประเด็นงาช้างถาม “อภิสิทธิ์”-เทียบนาฬิกา

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ขณะนี้ว่า บ้านเมืองเราวันนี้มีความคิดเห็นของนักการเมืองต่างๆ มากมาย เพราะ คสช.ใจดี น่าสังเกตว่ามีพรรคการเมืองใหญ่ออกมาพูดจาอย่างน่าผิดสังเกต โดยเฉพาะเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กับนาฬิกาหรู ตนเห็นว่าเป็นเรื่องของขบวนการมุ่งล้มบุคคล เรื่องนาฬิกานั้น ขอเปรียบเทียบให้เห็นว่า ในแวดวงคุณหญิงคุณนายมีการหยิบยืมตุ้มหูต่างๆ เป็นเรื่องปกติ ในแวดวงข้าราชการมีการหยิบยืมรถราต่างๆ มาใช้ รถเบนซ์รถดีๆ ยืมกันเป็นธรรมดา ตนเองก็ยืมรถเพื่อนมาขับ เวลาที่รถส่วนตัวเสีย เป็นเรื่องธรรมดา จึงเห็นว่าการหยิบยืมกันเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เอามาตีเป็นประเด็นกัน ทำให้เกิดสับสน อ้างอิงมาตรฐานจรรยาบรรณสูง แต่ลืมดูตัวเองบางคน ยกตัวอย่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รู้สึกว่าจะรีบร้อนมากเกินไป ความจริงเรื่องการตรวจสอบ เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. อีกทั้งตามคำชี้แจง ก็ชัดว่าไม่ใช่คนให้มาหรือไปปล้นใครมา พล.อ.ประวิตรบอกว่าเป็นการยืม ยืมกันใช้เป็นปกติ

นายดำรงค์กล่าวต่อไปว่า การให้กับการยืมนั้นไม่เหมือนกัน การให้นั้น มีการรับมอบเป็นสมบัติส่วนตัว อยากย้อนเหตุการณ์โด่งดังของนายอภิสิทธิ์ กับกรณีงาช้างที่บุรีรัมย์ มีคนให้งาช้าง แล้วก็รับมาครอบครอง แล้วถึงนำกลับไปคืน ลองไปดูกฎหมาย ป.ป.ช.ว่าความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ เรื่องงาช้างเป็นการรับของมา คนระดับนายกฯไม่รู้หรือว่างาช้างกิโลกรัมละกี่บาท คู่ละกี่แแสน แค่งาเทียมคู่ละเกือบหมื่นบาท แต่คราวนั้นเป็นงาช้างแท้ มอบให้ต่อหน้าสาธารณชน อาจจะพูดได้ว่าไม่มีเจตนา แต่ในแง่กฎหมายทำอย่างนั้นไม่ได้ ตนจึงบอกว่าในเรื่องนาฬิกา นายอภิสิทธิ์รีบร้อนมากเกินไป ในแง่การเมืองคิดได้หลายแบบ แล้วแต่มุมมองของแต่ละพรรค แตกต่างกันไป แต่หัวหน้าประชาธิปัตย์รีบร้อนมากไป สมัยที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก็มีคดีร้องเรียนถึง ป.ป.ช.มากมาย เรื่องแป้งมัน เรื่องโรงพัก ก็ไม่เห็นว่านายอภิสิทธิ์จะลาออก แล้วที่ให้สัมภาษณ์ถึงลูกพรรคลาออก ก็เป็นการพูดเหมือนดูดี แต่พูดไม่หมด กรณีนั้นเป็นเรื่องทุจริต แต่เรื่องนาฬิกาเขาต่อสู้กันอยู่ว่าเรื่องยืม จึงยังต่างกันมาก

นายดำรงค์กล่าวอีกว่า กรณีนี้ พล.อ.ประวิตรได้ทำเรื่องตอบ ป.ป.ช.ไปแล้ว ชี้แจงไปแล้ว เพียงแต่ ป.ป.ช.ยังไม่สรุป ยังไม่เปิดออกมา ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบร้อน ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ พล.อ.ประวิตรในวันนี้ แต่ในอดีตสมัยที่เป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ได้ทำงานร่วมกับ พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ตนเองทำงานเรื่องป่า ได้อาศัยกำลังทหารมาช่วยปราบปรามปกป้องป่า เลยได้รู้จักกับ พล.อ.ประวิตร เห็นในขณะนั้นว่าทำเพื่อประเทศชาติ รู้สึกชอบอกชอบใจกันในเรื่องปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ เห็นว่ามีความตั้งใจดี แต่ขณะนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน เพียงแต่การเมืองวันนี้ ตนอยากให้สงบ เพื่อจะได้เลือกตั้ง พรรคทวงคืนผืนป่าของตนนั้น ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพล.อ.ประวิตรแต่อย่างใด พรรคนี้เป็นพรรคเล็ก ทำเรื่องทรัพยากรธรรมชาติอย่างเดียว ทำในเรื่องที่รู้อย่างเดียว คงไม่มีใครสนใจมาสนับสนุน

 


ที่มา : มติชนออนไลน์