เพื่อไทยเปิด 5 โครงการรัฐ ส่อทุจริต ฉะ ป.ป.ช.เป็น “ไฮเตอร์” ฟอกขาวปมนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม”

เวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค พร้อมคณะแกนนำและฝ่ายกฎหมายพรรค ประกอบด้วย นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายวัฒนา เมืองสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ร่วมแถลงข่าว ความล้มเหลวในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล

โดย พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า ขอร้องเรียนท้วงติงการทำงาน ป.ป.ช. สตง. องค์กรอิสระที่ทำงานในการตรวจสอบ ไม่มีประสิทธิภาพทำให้การคอร์รัปชั่นที่ไม่ชอบทั้งหลายเฟื่องฟูมากขึ้น การปฏิบัติขององค์กรอิสระเลือกปฏิบัติ เห็นแก่พวกพ้อง ละเลยการปฏิบัติหลายสิ่งหลายอย่าง

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบ 5 โครงการที่ยังคาใจประชาชน ประกอบด้วย 1.โครงการขุดลอกคูคลองทั่วประเทศขององค์การทหารผ่านศึก (อผศ.) ตามที่อผศ.ไปรับจ้างกว่า 1,300 สัญญา มูลค่ากว่า 4.8 พันล้าน โดยเงื่อนไขทางสัญญาระบุต้องไม่มีการจ้างช่วง แต่กลับมีการจ้างช่วง บางโครงการจ้างช่วงถึง 4 ช่วง 2.โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมีเพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน งบประมาณ กว่า 2.2 หมื่นล้านล้าน กระจายไปยังพื้นที่ชุมชุม กระทรวงเกษตรฯหวังให้จ้างงาน ความไม่บังควรที่เกิดขึ้น มีการร้องเรียนหลายเรื่อง อาทิ การจัดซื้อจัดจ้างเกินจริง 3.การจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดหรือ GT200 มูลค่า 419 ล้านบาท แม้ไม่ได้เกิดในรัฐบาลนี้ แต่เมื่อเรียกร้องการตรวจสอบกลับไม่เกิดขึ้น 4.บุคคลผู้ใกล้ชิดนายกฯ กระทำไม่ชอบ พบการโอนเงินหลวงเข้าบัญชีภรรยาอดีตแม่ทัพภาค 3 ที่เป็นน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งมีข่าวบุตรชาย ใช้พื้นที่กองทัพเปิดบริษัทรับงานจากกองทัพโดยตรง 5.การยกป่ารอยต่อชุมชนห้วยแม็ก 31 ไร่ ให้บริษัทเอกชนชื่อดัง ใน จ.อุบลราชธานี โดยรายงานระบุป่าที่เช่ายังสมบูรณ์ ไม่ใช่ป่าเสื่อมโทรม มีการรุกล้ำที่สาธารณะ ปิดถนน ใช้พื้นที่เกินจริงจากการเช่า หลักฐานชัดมีการกระทำไม่ชอบ โดย ครม.มีมติยกเลิกการเช่า แต่เรื่องความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว

นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การทำหน้าที่ ป.ป.ช. เรื่องนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร ก่อนหน้านายศรีสุวรรณ จรรยา นายวีระ สมความคิด ร้องให้ตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร ปกปิดบัญชีทรัพย์สินและร่ำรวยผิดปกติ ป.ป.ช. หากเห็นว่าเข้าข่าย ต้องดำเนินการ ยึด หรืออายัดเพื่อไม่ให้หลักฐานเปลี่ยนแปลง แต่ดูเหมือน ป.ป.ช.พยายามทอดเวลาให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีเวลา รวมทั้งเลขา ป.ป.ช.ทำหน้าที่เหมือนโฆษกและทนายความ พล.อ.ประวิตร ทั้งที่หลักของ ป.ป.ช.คือให้หลัก จำเลยพิสูจน์ตัวเอง หากพิสูจน์ได้นำทรัพย์สินกลับคืน พิสูจน์ไม่ได้ก็ยึด เหมือนที่เคยทำกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม

“นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงนามตั้งตัวเองเป็นประธานต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ มี พล.อ.ประวิตร เป็นที่ปรึกษา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกเรื่อง พล.อ.ประวิตร เป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งที่ก่อนหน้าหากมีประเด็นเช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้อำนาจสั่งพักงานไว้ก่อน นอกจาก ป.ป.ช.ไม่ทำหน้าที่ ยังปกป้องคนทำผิด ปล่อยเวลาให้เวลาผู้ต้องหาแสวงพยานหลักฐานกลบเกลื่อนการกระทำของตัวเอง หากปล่อยให้ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ต่อไป ไม่เพียงไม่ตรวจสอบ จึงไม่แปลกใจที่องค์กรแห่งนี้ถูกตั้งให้เป็นองค์กรไฮเตอร์” นายวัฒนากล่าว

นายชูศักดิ์กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของ ป.ป.ช.ที่ผ่านมา ที่เรามักตั้งคำถามคือ เป็นกลางหรือไม่ เป็นเครื่องมือของใครหรือไม่ ได้ทำหน้าที่เที่ยงธรรม ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่ ที่ผ่านมาคิดว่า ป.ป.ช.ตอบคำถามไม่ได้ หากติดตามการแต่งตั้ง ป.ป.ช. แท้จริงแล้ว ป.ป.ช.มีฐานที่มาจาก คสช.คงจะไม่ผิดมากนัก ปัญหาที่จะเป็นวิกฤตต่อองค์กรอิสระและระบบกฎหมาย คือ สนช.มีมติให้ ป.ป.ช.อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ 9 ปี ทั้งที่กรรมการ ป.ป.ช. 7 ใน 9 ขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่องค์กรอื่นที่หัวแข็ง เช่น กกต.กรรมการสิทธิมนุษย์ชน กลับมีการเซตซีโร่ กลายเป็นดุลพินิจของ สนช.ว่าจะให้ใครอยู่ใครไปหรือไม่ กลายเป็นความวุ่นวายสับสนในองค์กรอิสระ หลายเรื่องที่เราบอกเป็นเหมือนการโกงกฎหมายเพื่อพวกพ้อง โดยพรรคเพื่อไทยจะติดตามตรวจสอบในหลายเรื่องต่อไป

“ต้องโทษ กรธ.เหมือนกัน ที่ตีเช็คเปล่าให้ สนช.กรอกเอาเองว่าใครจะอยู่ใครจะไป ส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่องค์กรอิสระ จะเรียกองค์กรอิสระได้อย่างเต็มปากหรือไม่ ใช้คำว่าเหมือนร่วมกันโกงกฎหมาย” นายชูศักดิ์กล่าว

นายจาตุรนต์กล่าวว่า การตรวจสอบทุจริตคนในรัฐบาล คสช.มีปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่ ป.ป.ช.ไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ได้คืบหน้า ล่าสุดมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร แทนที่ ป.ป.ช.ควรดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สิน แต่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.กลับทำหน้าที่โฆษกแก้ต่างให้ผู้ต้องหา จากการที่ได้ต่ออายุให้ผู้ที่ได้ใกล้ชิด คสช.ที่ขาดคุณสมบัติให้ทำหน้าที่ต่อ จึงเห็นว่าการตรวจสอบคอร์รัปชั่นล้มเหลวสิ้นเชิง หากปล่อยให้ทำหน้าที่ต่อจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ

“ป.ป.ช.ชุดนี้ขาดความชอบธรรมทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต ควรจะเปลี่ยนกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งชุดเสียใหม่เพื่อให้ได้ ป.ป.ช.ที่มาจากกระบวนการสรรหา มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตรงตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ส่วนจะมีชุดใหม่ได้อย่างไร คงมีได้หลายวิธี เช่น ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันพิจารณาตนเองลาออกไป ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทั้งกระบวนปฏิบัติให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และให้ ป.ป.ช.ที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญตรวจสอบเรื่องทุจริตอย่างจริงจัง รวดเร็วและโปร่งใสต่อไป” นายจาตุรนต์กล่าว

นายภูมิธรรมกล่าวว่า สิ่งที่ผ่านมาสะท้อนความล้มเหลวรัฐบาล สะท้อนความไม่ไว้ใจวางรัฐบาล ผู้นำรัฐบาล ทำให้รู้สึกว่าความน่าเชื่อถือรัฐบาลหมดไป รวมทั้งคำพูดผู้นำรัฐบาลก็เปลี่ยนแปลงตลอด พูดได้เรื่อยๆ ไม่น่าเชื่อถือ เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประเทศ สำหรับประธาน ป.ป.ช. ไม่อยากเห็นท่านต้องหม่นหมอง เพราะความกตัญญู ไม่อยากให้เกียรติภูมิที่สร้างมาถูกทำลาย ไม่อยากให้ฝืนทำสิ่งที่ผิด การถอนตัวไม่ตรวจสอบของประธาน ป.ป.ช.นั่นไม่เพียงพอ แต่ต้องถอนตัวออกจากสิ่งไม่ดีทั้งหมด ในการจะมาทำการฟอกขาวในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง