ชาวนามหาสารคาม ทวงเงินส่วนต่างประกันข้าว ราคาตลาด 14,110 บาท ชาวนาขายได้จริง 11,000 บาท บวกส่วนต่าง 850 บาท เท่านั้น ทั้งที่ควรมีรายได้ที่ตันละ 15,000 บาท
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวภายหลังเข้าร่วมเกี่ยวข้าวอิ่มปีที่ 9 ร่วมกับชาวนา จ.มหาสารคาม ว่าโครงการ “ข้าวอิ่มมหาสารคาม” เป็นโครงการนโยบายนำร่องเพื่อพิสูจน์ว่าเกษตรพรีเมี่ยม ในสมัยที่ตนเคยช่วยดูแลโครงการประกันรายได้ ได้ตั้งใจว่านอกจากการมีประกันรายได้เพื่อดูแลค่าครองชีพเฉพาะหน้าแล้ว เรื่องนโยบายเศรษฐกิจด้านการเกษตร ต้องต่อยอดให้เกษตรกรไทยมีรายได้สูงอย่างยั่งยืนอีกด้วย
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้ากล่าวว่า ตั้งแต่ลงพื้นที่ขอนแก่นช่วงเช้าก่อนเดินทางมา จ.มหาสารคาม ก็มีชาวนามาร้องเรียนว่า “โครงการประกันรายได้เกษตรกร” มีส่วนต่างประกันรายได้ที่หายไปประมาณ 3,000 บาท เขาอยากรู้ว่าเงินตรงนี้หายไปไหน โดยที่หลักการของการประกันรายได้คือการ “จ่ายส่วนต่าง” ระหว่างราคาที่ชาวนาขายได้ กับราคาที่ชาวนาควรจะได้รับ คือราคาประกัน โดยที่รัฐเป็นผู้กำหนดว่าราคาขายคือเท่าไร เรียกว่าราคาอ้างอิง
นายกรณ์กล่าวว่า โดยรอบล่าสุดนี้ 25 พฤศจิกายน 2565 ประกาศว่า ชาวนาที่ปลูก ข้าวหอมมะลิ จะได้ราคาส่วนต่างไว้ที่ตันละ 890 บาท โดยคิดจากราคาอ้างอิงที่ 14,110 บาท ต่อให้ข้าวที่ความชื้นต่ำกว่าเกณฑ์ 15% ก็ได้ราคาเพียง 12,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง ผมเช็กแล้วเช็กอีกกับโรงสี และทีมงานทั้งมหาสารคาม ร้อยเอ็ดก็ยืนยันเสียงเดียวกัน
“ความหมายของมันคือ รัฐมองว่า ชาวนาควรจะขายข้าวหอมมะลิได้เองในตลาดที่ตันละ 14,110 บาท และรัฐทบส่วนต่างให้อีก 890 บาท ถึงจะทำให้ชาวนาที่ปลูกข้าวหอมมะลินี้ มีรายได้ค่าข้าวที่ตันละ 15,000 บาท แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น วันนี้ผมพบทั้งชาวนาและ ธ.ก.ส.เสียงเดียวกันเลยครับว่า ราคาขายจริงที่ชาวนาได้คือ 11,000 บาท เพียงเท่านั้น
นั่นแปลว่า รายได้จากการปลูกข้าวคือ 11,000 บวก 890 บาท ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า เกณฑ์การกำหนดราคาอ้างอิงของกระทรวงพาณิชย์ ไม่ตรงกับสภาพจริงของราคาตลาด และนี่เป็นสาเหตุทำให้ชาวนาที่ควรมีรายได้ตันละ 15,000 บาท ได้เงินเพียง 11,890 บาทเท่านั้น ผมเห็นใจชาวนา ว่าแบบนี้ไม่น่าจะตรงกับหลักการเดิมของนโยบาย” นายกรณ์กล่าว
นายกรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ “ข้าวอิ่ม” ปีนี้นอกเหนือจากที่แพ็กเกจพรีเมี่ยมจากกระจูดสาน จ.นครศรีธรรมราช และ “บาติก” จาก จ.ภูเก็ต สามารถสั่งจองได้ทาง เบอร์ 09-6672-2093 และไลน์ @immrice แล้ว ชาวนาต่อยอดนำปลายข้าวไปแปรรูปขายส่งแบรนด์เครื่องสำอางในราคาที่สูงถึง 10 เท่าของราคาข้าวหักทั่วไป และยังเอาไปทำเป็นข้าวพองที่อร่อยมาก ๆ อีกด้วย
นายกรณ์กล่าวทิ้งท้ายว่า หน้าที่ของรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจต้องคิดต่อยอด หาโอกาสเพิ่มรายได้ให้คนไทย ส่วนนโยบายอุดหนุน-ช่วยเหลือ จากภาษีประชาชนนั้น ใครมาเป็นรัฐบาลก็ทำได้ทั้งนั้น
- กรณ์ ทอดสะพาน สมุย-สุราษฎร์ แลนด์บริดจ์ อ่าวไทย-อันดามัน
- กรณ์ เปิดตัว โก้ วรนัยน์ เข้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลั่นหมดยุคอัศวินขี่ม้าขาว
- พรรคชาติพัฒนากล้า เปิด 2 ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต
- ชาติพัฒนากล้า เปิดตัวทีมเศรษฐกิจตัวท็อป แย้มนโยบายแก้ปัญหาเร่งด่วน
- กรณ์-สุวัจน์ แท็กทีมรีแบรนด์ “ชาติพัฒนา” สู่ “ชาติพัฒนากล้า”