ขาลง “บิ๊กป้อม” ไม่อยู่ค้ำฟ้า ปลดชนวนระเบิด “นาฬิกา” รักษา คสช.

นับตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศลั่นในงานเลี้ยงอาหารกลางวันให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ผบ.เหล่าทัพ และข้าราชการกระทรวงกลาโหม รวมถึงสื่อมวลชนสายทหาร เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2561 เมื่อ 31 ม.ค. 2561 ว่า

“ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมที่จะไปจากตำแหน่งนี้”

นับตั้งแต่นาทีนั้น “พล.อ.ประวิตร” ปิดปากเงียบ ท่ามกลางแรงกดดันจากโลกโซเชียลมีเดีย ที่ผุดแคมเปญทั้งให้ “พี่ใหญ่” แห่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลาออกจากตำแหน่ง สังเวยปม “แหวนเพชร-นาฬิกาหรู”

มีเพียง พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมออกมาแก้ต่าง ว่า “เป็นมุมมองที่ต้องเคารพเปิดกว้างรับฟังด้วยใจเป็นกลาง พล.อ.ประวิตร ยังมีกำลังใจและสุขภาพแข็งแรงดี มีจิตใจเข้มแข็ง หนักแน่นและมั่นคง ทุ่มเทการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป”

แต่ในความเงียบนั้น ชื่อของ “พล.อ.ประวิตร” กลับกลายเป็นของมี “พิษ” สำหรับ คสช.นับตั้งแต่วันที่ประกาศพร้อมลาออก

ผ่านมาไม่ทันข้ามคืน จากปม “แหวนเพชร-นาฬิกาหรู” ก็กลายเป็นขับไล่ “พล.อ.ประวิตร” ให้พ้นจากตำแหน่ง โดยมีการเปิดโหวตผ่านโลกโซเชียลมีเดีย

จนมีข่าวว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ จะนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม แล้วให้ พี่รอง-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รับงานด้านความมั่นคง แทนพี่ใหญ่ หากสุดท้ายตัดสินใจลาออก

โดยมี “พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท” ผู้บัญชาการทหารบก เป็นข้อต่อสำคัญในกองทัพ แม้ไม่ใช่ “บูรพาพยัคฆ์” เป็น “รบพิเศษ” หมวกเบเร่ต์แดง แต่บุคลิกที่นิ่งเงียบ-พูดจาฉลาดของ “บิ๊กเจี๊ยบ” เหมาะที่จะเป็นข้อต่อสำคัญในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง แม้ว่า พล.อ.ประวิตร อาจจะไม่อยู่ในตำแหน่ง

“ซ่อมไม่ตาย-นาฬิกาหรู” ลามทุ่ง

อย่างไรก็ตาม เส้นทางข่าวของ “พล.อ.ประวิตร” ก่อนแหวนเพชร-นาฬิกาหรูจะเป็นไฟลามทุ่งเหมือนอย่างทุกวันนี้ ก็มีข่าวลือมาตั้งแต่ก่อนปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 5 ว่า พี่ใหญ่ คสช.ต้องการลงจากตำแหน่งด้วยปัญหาสุขภาพ แต่แล้วพี่ใหญ่ คสช.ก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

กระทั่งเกิดกรณีการเสียชีวิตของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่มีการตั้งประเด็นการเสียชีวิตเกิดจากการธำรงวินัย หรือ “การซ่อม”

“พล.อ.ประวิตร” ในฐานะ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์เมื่อ 22 พ.ย. 2560 ว่า “ผมก็เคยโดนซ่อมจนเกินกำลังจะรับได้ จนสลบไปเหมือนกัน แต่ผมไม่ตาย” กลายเป็นวาทกรรมเรียกแขกให้มารุมถล่มบนโลกโซเชียลมีเดีย

กระแส “ถูกซ่อมแต่ไม่ตาย” ยังไม่ทันจาง ก็เกิดเหตุ “แหวนเพชร-นาฬิกาหรู” ขึ้นระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 5 กำลังถ่ายรูปหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อ 4 ธันวาคม 2560 ที่ “พล.อ.ประวิตร” ยกมือขึ้นป้องแดด ทำให้เห็นทั้ง “แหวนเพชร-นาฬิกาหรู” ทั้งที่พี่ใหญ่ คสช.ไม่ได้แจ้งอยู่ในบัญชีทรัพย์สิน กลายเป็นเรื่องราวบานปลายข้ามปี

จาก 1 เรือน ลามไป 25 เรือน ที่เปิดเผยบนโลกโซเชียล บัดนี้ปม “แหวนเพชร-นาฬิกาหรู” ของ “พล.อ.ประวิตร” กลายเป็นไฟลุกท่วมทุ่ง

โยนเผือกร้อนให้ ป.ป.ช.

“พล.อ.ประวิตร” พยายามใช้ยุทธศาสตร์ “ความนิ่ง สยบความเคลื่อนไหว” แต่ก็ปล่อยข่าวทั้งสายทหาร-พลเรือน โยนว่าเป็น “นาฬิกาเพื่อน” ที่ให้ยืมมา

เช่นเดียวกับ “พล.อ.ประยุทธ์” โยน “เผือกร้อน” ให้พ้นจากรัฐบาล โดยระบุว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของ พล.อ.ประวิตร และให้องค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ตรวจสอบ

พล.อ.ประวิตรจึงเริ่ม “เปิดเกม” ด้วยการส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง ป.ป.ช.ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2560 แต่ทั้งนี้ ป.ป.ช.ยุคปัจจุบันที่มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ เป็นประธาน กลับเป็นอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ใต้กำกับของ “พล.อ.ประวิตร” จึงทำให้เกิดความกังขาถึงความเหมาะสมที่จะตรวจสอบ

ประกอบกับการแถลงของ “วรวิทย์ สุขบุญ” เลขาธิการ ป.ป.ช. ไม่ได้ทำให้สังคมกระจ่าง เพราะนอกจากเปิดเผยเพียงว่าเรียกบุคคลภายนอก 4 คนเข้ามาแจงปมนาฬิกา แต่พ่วงท้ายในถ้อยแถลงว่า นาฬิกา 25 เรือนอาจซ้ำกัน ความจริงอาจมีแค่ 15 เรือน ต้องรอตรวจสอบ

ทำให้ ป.ป.ช.ถูกวิจารณ์ว่าเป็น “องค์กรไฮเตอร์” ฟอกขาวให้ พล.อ.ประวิตร ทันที แม้ว่า “พล.ต.อ.วัชรพล” ในฐานะคนเคยใกล้ชิด “พล.อ.ประวิตร” จะถอนตัวจากการพิจารณา เพื่อพิสูจน์ความโปร่งใสก็ตาม

ฝั่งพรรคการเมืองที่รอจังหวะ คสช.พลาด ได้ฉวยจังหวะชุลมุน กดดันให้ พล.อ.ประวิตร ลาออกทันที เช่น พรรคเพื่อไทยที่เก็บข้อมูลความไม่ชอบมาพากลหลายโครงการของ คสช.มาเป็นเวลานาน ได้จังหวะ “ปล่อยของ” ต่อยอดจากปมแหวนเพชร-นาฬิกาหรู อาทิ โครงการ 9101-โครงการขุดลอกคูคลองทั่วประเทศขององค์การทหารผ่านศึก (อผศ.)

เปิดแคมเปญบีบให้ลาออก

เคราะห์กรรมยังซ้ำเติมรัฐบาล คสช.และ พล.อ.ประวิตร เมื่อเกิดกรณีที่ นายอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ประกาศลาออกจากตำแหน่งผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2561 เพราะมีการทำโพลเรื่อง “ผลสำรวจเรื่อง นาฬิกาที่ยืมเพื่อน เป็นเรื่องบิดเบือนหรือเรื่องจริง” แต่ถูกทางสถาบันต้นสังกัดสั่งระงับ

เป็นช่วงเดียวกับที่ “พล.อ.ประวิตร” ประกาศว่า “ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมที่จะไปจากตำแหน่งนี้”

เมื่อโพลบนดินถูกระงับ ! ที่สุดจึงโผล่ไปอยู่บนโลกโซเชียล

31 มกราคม 2561 “ทิชา ณ นคร” อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ อดีตคนที่เคยร่วมลงเรือแป๊ะ เปิดแคมเปญใน www.change.org ในหัวข้อ “อยากให้รองนายกประวิตรฯ ลาออก ตามที่ท่านได้กล่าวไว้เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 61 ที่กระทรวงกลาโหม”

บุคคลที่ร่วมลงชื่อมีคนที่ชัง คสช.อย่าง “สมบัติ บุญงามอนงค์” และคนเคยรัก “รสนา โตสิตระกูล” อดีต สปช. แกนนำ 40 ส.ว.

ขณะที่เพจเฟซบุ๊กของรายการ “ที่นี่ไทยพีบีเอส” ยังตั้งแคมเปญสำรวจอย่างไม่เป็นทางการว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยากให้อยู่หรืออยากให้ไป โดยผลสรุป อยากให้ไปมากกว่าอยากให้อยู่ร้อยละ 96 : 4

เมื่อยุทธวิธีต่อสู้การเมือง โดยโยนไปให้องค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. ตัดสิน กลับเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ได้ผล

ปม “แหวนเพชร-นาฬิกาหรู” ขยับดีกรีจากไล่พี่ใหญ่ คสช.ไปสู่ชนวนบั่นทอนรัฐบาล คสช.ทั้งองคาพยพ

ท่ามกลางแรงกดดันรัฐบาล คสช.รอบทิศ ทั้งกลุ่มรวมพลคนอยากเลือกตั้งที่นัดรวมตัวกันขับไล่รัฐบาล 10 กุมภาพันธ์ 2561 จนถึงกลุ่มมวลชนเสื้อแดงใน-นอกประเทศก็ประกาศว่า จะออกผสมโรงในวันเดียวกัน กดดันให้รัฐบาลเลือกตั้งเดือนพฤศิกายน 2561 ตามโรดแมป

เป็นแรงเสียดทานทางการเมือง ในช่วงเวลาที่ทุกองคาพยพ คสช. พยายามหาทุกช่องทางทั้งบนดิน ใต้ดิน เพื่อยื้อโรดแมปออกไปให้นานที่สุด เตรียมการให้ คสช.ผ่องถ่ายอำนาจไปสู่การเมืองแบบปกติ โดยที่เครือข่าย คสช.ยังคงได้เปรียบ

แต่เมื่อ พล.อ.ประวิตร กลายเป็นตัวเร่งชนวน จึงปรากฏข่าวว่า พล.อ.ประวิตรอาจ “ไขก๊อก” ออกจาก ครม.ประยุทธ์ อีกครั้ง

ที่จริงแล้ว “พล.อ.ประวิตร” ในฐานะพี่ใหญ่ คสช.-ผู้จัดการรัฐบาล ก็มิอาจอยู่ค้ำฟ้า

 

ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat

สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Prachachat ได้แล้วทั้งระบบ iOS และแอนดรอยด์