‘เสรี’พร้อมเป็นทนายสู้คดี หากหน.วิเชียร ถูกดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายเสรี สุวรรณภานนท์ กรรมการปฏิรูปตำรวจ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ”เสรี สุวรรณภานนท์” ระบุว่า

ติดตามข่าว ของนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง อาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก โดยมีการระบุว่า นายวิเชียร ให้การไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ 110 บาท ซึ่งเป็นค่าเข้าคนละ 20 บาทและค่านำรถเข้าพื้นที่ 30 บาทจริง จึงต้องรายงานให้กรมอุทยานฯ พิจารณาดำเนินการ ซึ่งสามารถดำเนินการเอาผิดได้ทั้งทางวินัยและอาญา เพิ่งจับคนร้ายได้ แต่กลับกลายเป็นผู้ร้ายเสียเอง แม้จะรับสารภาพว่าไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติจริง ก็ต้องพิจารณาว่า มีผู้บังคับบัญชาหัวหน้าที่มีตำแหน่งสูงกว่า ที่สั่งการมาว่า“มีแขก วีไอพี เข้าพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่แถวนั้น ดูแลอำนวยความสะดวกแก่แขกวีไอพีด้วย”และเมื่อมีคำสั่งแบบนี้ ก็แสดงว่าการไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียม ไม่ได้เกิดจากการอนุญาตหรือไม่อนุญาตของนายวิเชียร แต่เป็นคำสั่งที่อยู่เหนือกว่า ดังนั้นแสดงว่านายวิเชียร ไม่มีเจตนากระทำความผิด การจะกล่าวหาว่าผู้ใดกระทำความผิดก็ต้องมีองค์ประกอบความผิดว่าผู้กระทำมี “เจตนา” ทำผิดหรือไม่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญทางกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 และไม่ผิดทางวินัยด้วย เพราะมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งสูงกว่าสั่งการ

นายเสรี ระบุอีกว่า หากนายวิเชียร ถูกดำเนินคดี ตนเองในฐานะเป็นทนายความขออาสาเป็นทนายความให้ จะได้พิสูจน์ว่าคนสั่งการเป็นใคร ที่จะต้องรับผิดตัวจริง การสอบสวนควรสอบสวนข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความ โดยสืบสวนสอบสวนให้ปรากฏว่าใครเป็นผู้สั่งการ อย่าเบี่ยงเบนประเด็น อย่าทำคดีแบบแก้เกี้ยวตัดตอนลักษณะเช่นนี้ เพราะมันจะทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ ก่อนทิ้งท้ายว่า การสืบสวนสอบสวนแบบนี้ ที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนจึงเรียกร้องต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจ

 

ที่มา มติชนออนไลน์