รองอธิบดีป่าไม้ ชี้ปมสร้างอาคารยักษ์บนเขาค้อ รื้อคดีใหม่ได้ เตรียมหาหลักฐานเพิ่ม !

รองอธิบดีกรมป่าไม้ชี้คดีสร้างอาคารยักษ์บนเขาค้อ แม้อัยการสั่งไม่ฟ้องหากพบหลักฐานเพิ่มเติม สามารถรื้อฟื้นคดีได้ใหม่ เตรียมส่งชุดพยัคฆ์ไพรลงพื้นที่หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม กำชับสำนักฯที่ 4ให้ดูคดีเก่าให้สำนวนรัดกุม

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงกรณีคณะเจ้าหน้าที่ทหาร,ป่าไม้และฝ่ายปกครองลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่บนที่ดินรอส.และอยู่ในเขตป่าสงวนฯบนเขาค้อ ซึ่งพบว่าบิรเวณนี้ถูกจับกุมดำเนินคดีเมื่อปลายปี 2559 แต่อัยการหล่มสักมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องโดยให้เหตุผลพยานหลักฐานไม่เพียงพอว่า ก็ต้องมาดูว่าสำนวนสั่งไม่ฟ้องด้วยสาเหตุใด และที่บอกว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอก็ต้องไปดูว่าพยานหลักฐานอะไรที่ไม่เพียงพอ และมีช่องทางไหนที่จะทำให้พยานหลักฐานมีน้ำเพียงพอก็ต้องไปปิดจุดอ่อนตรงนี้ สมมุติว่าหากผิดจริงก็ต้องรื้อฟื้นคดีให้ได้ อย่างไรก็ตามคดีนี้หากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากเดิมก็สามารถจะไปรื้อฟื้นคดีได้อยู่แล้ว เพราะตราบใดที่ยังเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ของรัฐยังไงก็ยังคงเป็นพื้นที่ของรัฐอยู่

“ข้อเท็จจริงพื้นที่บริเวณนี้ก็เป็นพื้นที่ของรัฐเพียงแต่ว่าการเอาผิดกับผู้ครอบครองยังไม่มีหลักฐาน ก็ต้องไปพิสูจน์ในเรื่องพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องว่าจะบ่งชี้ไปถึงการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาหรือเปล่า แต่อย่างไรสรุปแล้วข้อเท็จจริงก็คือพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ของรัฐ ซึ่งที่ดินรอส.ทางราชการอนุญาตให้ทำกินได้ ในเบื้องต้นเท่าที่ดูในสำนวนที่ดินเขาเอาหลักฐานว่าเป็นที่ดิน รอส.ที่ครอบครองอย่างต่อเนื่อง ก็ต้องไปพิสูจน์ว่ารอส.ที่ครอบครองที่ดินเป็นเจ้าของจริงหรือเปล่าหรือเป็นนอมินีหรือไม่จะต้องไปพิสูจน์กันตรงนี้”นายอรรถพลกล่าวและว่า เรื่องนี้ทางกรมป่าไม้ให้ความสนใจและไม่เพิกเฉยโดยเตรียมจัดส่งชุดพยัคฆ์ไพรลงไปในพื้นที่ เพื่อหาและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดีที่มีการสั่งไม่ฟ้อง

 นายอรรถพลกล่าวว่า ขณะนี้ยังกำชับทางสำนักบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลกไปแล้ว ให้ไปดูในเรื่องคดีเก่าที่มีการดำเนินคดีแล้ว อะไรที่เป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องสำนวนอะไรที่ยังไม่กระชับรัดกุม ให้ไปดูและทำรายละเอียดให้รัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในทางคดีตรงนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ อีกส่วนหากมีการก่อสร้างหรือมีการเข้าไปขยายพื้นที่หรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติมจากเดิม ให้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการเหล่านี้หยุดดำเนินการก่อน ไม่เช่นนั้นก็เหมือนกระทำผิดซ้ำสองและยังชี้หรือแสดงถึงเจตนาเพราะทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนไปแล้ว หากไม่สนใจจะมีผลต่อรูปคดีด้วยแล้วจะมาอ้างขาดเจตนาภายหลังไม่ได้ หลายคดีอาจจะสั่งไม่ฟ้องโดยใช้เหตุผลผู้กระทำขาดเจตนา ถ้าเจ้าหน้าที่ได้แจ้งแล้วยังทำต่อแสดงว่ามีเจตนา ฉะนั้นจะมาอ้างที่หลังขาดเจตนาไม่ได้

รองอธิบดีกรมป่าไม้ยังกล่าวถึงการส่งมอบคืนพื้นที่ป่าเขาค้อที่ทหารขอใช้ด้วยว่า ยังไม่ได้คืนยังเป็นทางการเพียงแค่มีการประชุมพูดคุยร่วมกันว่าจะเข้าสู่ขบวนการโอนพื้นที่กลับคืนกันอย่างไร ยังไม่ได้ทำอย่างครบถ้วนตามระเบียบและกฎหมาย เพราะที่เคยประชุมกันที่กรมป่าไม้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ขั้นตอนของการคืนพื้นที่จะต้องมาแก้ไขปัญหาร่วมกันก่อน ซึ่งยังไม่ได้มีการรับมอบกันอย่างเป็นทางการ

นายอรรถพลกล่าวถึงกรณีที่ภาคเอกชนจะยื่นขอใช้พื้นที่ตามมาตรา 16 ว่า ต้องดูข้อเท็จจริงของพื้นที่บริเวณที่จะขอใช้มีการบุกรุกมาก่อนหรือเปล่า ไม่ใช่บุกรุกไปแล้วๆมาขออนุญาตคนละเรื่องกัน และหลายๆพื้นที่ รอส.ก็ได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยทำกินตามเงื่อนไขของฝ่ายทหาร และเมื่อหมดเวลาแล้วก็ต้องมาใช้มาตรา 16 ในการขออนุญาต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมาพิสูจน์สิทธิ์กันด้วยว่ามีการครอบครองเดิมหรือจริงหรือเปล่า เป็นรอส.เดิมจริงหรือไม่ซึ่งตรงนี้สำคัญตรงใช้หลักฐานจากฝ่ายทหารมาประกอบ ไม่ใช่หมายความว่าพอยกพื้นที่กลับมาหมดแล้วจะใช้มาตรา 16 ได้ทุกๆรายไปคงไม่ใช่

 


ที่มา มติชนออนไลน์