เรียนฟรีถึง ป.ตรี-ปลดล็อก กบข.-สำรองเลี้ยงชีพ ซื้อบ้านได้ ถ้าประชาธิปัตย์รัฐบาล

ประชาธิปัตย์

“จุรินทร์” เปิด 8 นโยบายลอตสอง เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน-ทุกห้องเรียน เรียนฟรี ป.ตรี ในสาขาที่ตลาดต้องการ-กองทุนเอสเอ็มอี 3 แสนล้าน ตรวจสุขภาพ-รักษาฟรี ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ชมรมผู้สูงอายุรับ 3 หมื่น ปลดล็อก กบข.-กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เอาเงินไปซื้อบ้านได้ ค่าตอบแทน อกม. คนละ 1,000 บาท ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

วันที่ 11 มีนาคม 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี นายอลงกรณ์ พลบุตร ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งทั้งหมดเป็นคณะกรรมการนโยบายของพรรค ได้ร่วมกันแถลงเปิด 8 นโยบาย ชุดที่ 2 เพิ่มเติม ดังนี้

  • นโยบายที่ 1 “อินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน ทุกห้องเรียน”
  • นโยบายที่ 2 “เรียนฟรี ถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ”
  • นโยบายที่ 3 “ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว”
  • นโยบายที่ 4 “ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000บาท ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน”
  • นโยบายที่ 5 “SME ต้องมีแต้มต่อ 3 แสนล้าน”
  • นโยบายที่ 6 “ปลดล็อค กบข. และกองทุนเลี้ยงชีพ ให้ซื้อบ้านได้”
  • นโยบายที่ 7 “3 ล้านบาทต่อยอดเกษตรแปลงใหญ่”
  • นโยบายที่ 8 “ค่าตอบแทน อกม. (อาสาสมัครเกษตรประจำหมู่บ้าน) 1,000 บาทต่อเดือน”

ทั้งนี้ ใน 8 นโยบายประชาธิปัตย์ ในชุดแรกที่ได้แถลงไปเมื่อวันที่ 13 ม.ค. นั้น ประกอบด้วย นโยบายที่ 1 นโยบาย การประกันรายได้จ่ายเงินส่วนต่าง ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และข้าวโพด นโยบายที่ 2 ชาวนารับ 30,000 บาทต่อ 1 ครัวเรือน นโยบายที่ 3 ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน

นโยบายที่ 4 ให้เงินอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรประมง กลุ่มละ 100,000 บาทต่อปีทุกกลุ่ม นโยบายที่ 5 ปลดล็อกประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU นโยบายที่ 6 ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี นโยบายที่ 7 ให้กรรมสิทธิ์ทำกินให้กับผู้ทำกินในที่ดินของรัฐ นโยบายที่ 8 ธนาคารหมู่บ้าน/ชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท

นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายที่ 1 “อินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน ทุกห้องเรียน” หมู่บ้านดังกล่าว หมายถึงชุมชนในเขตเมือง เขตเทศบาล เขตหน่วยการปกครองท้องถิ่น รวมทั้งในพื้นที่ชุมชนของกรุงเทพมหานครด้วย ซึ่งจะมีทั้งหมดประมาณ 80,000 หมู่บ้าน/ชุมชน และจะมีอินเทอร์เน็ตฟรี รวมกันในหมู่บ้าน/ชุมชน ประมาณ 6 แสนจุด สำหรับห้องเรียน ทั่วประเทศมีประมาณ 350,000 ห้อง โดยจะจัดให้มีอินเทอร์เน็ตฟรีประมาณ 400,000 จุด รวมอินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน/ชุมชน ทุกห้องเรียน

Advertisment

นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายที่ 2 “เรียนฟรี ถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ” จากการสำรวจเบื้องต้น โดย อว. พบว่ามีสาขาที่ตลาดต้องการ มีอยู่อย่างน้อยจำนวน 1.8 แสนคน โดยประมาณ ใน 12 สาขาสำคัญ หากประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล จะสนับสนุนให้มีการเรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาที่เป็นความต้องการของตลาด เพื่อให้เรียนจบแล้วมีงานทำ สนองตลาดนำการผลิตทางการศึกษาได้ทันที

นายจุรินทร์กล่าวว่วา นโยบายที่ 3 “ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว” นโยบายนี้มี 2 เรื่องอยู่ในนโยบายเดียวกัน เรื่องที่ 1 คือ รักษาฟรี ที่เป็นมาตรการในการรักษาพยาบาล เรื่องที่ 2 คือตรวจสุขภาพฟรี เป็นมาตรการในการป้องกัน ดังนั้นถ้าพบว่ามีปัญหาสุขภาพก็จะทำการตรวจรักษาได้ทันท่วงที ถือเป็นการต่อยอดนโยบายเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ทำมาตั้งแต่อดีต

Advertisment

โดยย้อนไปตั้งแต่ก่อนที่ท่านชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน เป็นเลขารัฐมนตรี ช่วงปี 31-32 เราได้มีการจัดให้มีการรักษาฟรี สำหรับเด็กประถม ผู้นำชุมชน รวมทั้งผู้สูงอายุ

ต่อมาเมื่อนายจุรินทร์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในปี 53 จึงได้ริเริ่มนโยบาย บัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรี 48 ล้านคน โดยไม่ต้องเสีย 30 บาท และสามารถดำเนินนโยบายนั้นได้ด้วยความราบรื่น เพราะฉะนั้นนโยบายนี้จึงเป็นการต่อยอดในสิ่งที่ได้ทำสำเร็จมาแล้วทั้งหมด เพื่อมาเดินหน้าต่อไป

นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายที่ 4 “ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000บาท ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน” ปัจจุบันประเทศไทยมีชมรมผู้สูงอายุที่จดทะเบียนอยู่ประมาณ 30,000 ชมรม และถ้าประชาธิปัตย์เป็นการตั้งรัฐบาลก็จะช่วยสนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถทำกิจกรรมรวมกลุ่มในลักษณะนี้ต่อไป เพื่อประโยชน์ทั้งทางด้านสุขภาพ ร่างกาย จิตใจและการอยู่ร่วมกันในสังคม รวมทั้งการส่งเสริมอาชีพเพื่อสร้างเงิน สร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุต่อไปด้วย

นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายที่ 5 “SME ต้องมีแต้มต่อ 3 แสนล้าน” SME คือตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ซึ่งมีทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม บริการ และทุกภาคที่เกี่ยวข้อง โดย SME คิดเป็นกว่าร้อยละ 90 ของนิติบุคคลรวมกันทั่วทั้งประเทศ ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 3,200,000 ราย ก่อให้เกิดการจ้างงานถึง 12.6 ล้านคน

แต้มต่อที่ 1 ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล SME จะมีแต้มต่อทางด้านการผลิต ซึ่งจะมีการจัดการในองค์ความรู้ทุกด้าน ทั้งการผลิต ตลาด การบริหารจัดการ ระบบบัญชี ระบบภาษี ทั้งหมดที่ SME ควรมีแต้มต่อ เพื่อแข่งกับธุรกิจขนาดใหญ่ต่อไปในอนาคตได้

แต้มต่อที่ 2 แต้มต่อทางด้านการตลาด ที่ SME ควรจะได้รับโอกาสในการได้สิทธิ์เพื่อเดินหน้าเข้าสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไปภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลประชาธิปัตย์ในอนาคต เช่น การออกงานจัดแสดงสินค้า ถ้าเรียงลำดับตามศักยภาพ SME ไม่มีวันได้ไปต่างประเทศ ดังนั้นจึงต้องให้แต้มต่อ เช่นจัดพื้นที่ให้ 10% สำหรับ SME พร้อมกับนำไปตลาดที่คาดว่า SME จะเปิดได้เบื้องต้น อย่างกลุ่มประเทศ CLMV รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น จากนั้นเมื่อแข็งแรงแล้ว จะสามารถขยายไปสู่ตลาดโลกได้ต่อไป

แต้มต่อที่ 3 ตั้งกองทุน 300,000 ล้านบาท เพื่อให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงิน แหล่งทุน สำหรับนำมาขยายกิจการ ต่อลมหายใจ หรือนำมาเพิ่มทุนสำหรับเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศต่อไปได้

นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายที่ 6 “ปลดล็อก กบข. และกองทุนเลี้ยงชีพ ให้ซื้อบ้านได้” ปัจจุบัน กบข. มีวงเงินอยู่ 1.2 ล้านล้านบาทโดยประมาณ และมีสมาชิก กบข.ถึง 1.2 ล้านคน รวมทั้งมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ วงเงินประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท และมีสมาชิกอยู่ถึง 3 ล้านคน เมื่อรวม 2 กองทุน จะมีวงเงินอยู่ประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท และมีสมาชิกรวมกันประมาณ 4 ล้าน 2 แสนคน

ซึ่งนโยบายปลดล็อกดังกล่าวจะทำให้สมาชิกจากทั้ง 2 กองทุนสามารถนำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อบ้านได้ หรือนำมาลดหนี้บ้าน เช่น นำมาเป็นเงินต้น เพื่อให้ยอดเงินต้นลดลง สามารถผ่อนบ้านได้ครบถ้วน และมีบ้านเป็นของตัวเองได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยทั้งข้าราชการและผู้ที่ทำประกันสังคม รวมไปถึงผู้ใช้แรงงานด้วย

นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายที่ 7 “3 ล้านบาทต่อยอดเกษตรแปลงใหญ่” เกษตรแปลงใหญ่ในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 10,000 แปลง มีเกษตรกรเข้าร่วม 5 แสนราย ในพื้นที่กว่า 8 ล้านไร่ ถือว่าเกษตรแปลงใหญ่ เป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาการเกษตรของประเทศ เป็นการลดต้นทุน เป็นการร่วมกันใช้เทคโนโลยี เป็นการร่วมกันต่อยอดสร้างนวัตกรรมร่วมกันในนามกลุ่ม

ซึ่งได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดีเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าดีกว่าต่างคนต่างทำ และการทำเกษตรแปลงใหญ่จะสามารถขับเคลื่อนการเกษตรไปสู่ความสำเร็จได้มากกว่า สร้างผลิตภาพได้สูงกว่า ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ประชาธิปัตย์สนับสนุน และพร้อมที่จะมีเงิน 3 ล้านต่อยอดให้แต่ละกลุ่มแต่ละแปลง

นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายที่ 8 “ค่าตอบแทน อกม. (อาสาสมัครเกษตรประจำหมู่บ้าน) 1,000 บาทต่อเดือน” เพื่อที่จะช่วยให้กระทรวงเกษตรฯ ได้มีอาสาสมัครที่จะเป็นผู้ไปช่วยดูข้อมูล และประสานงานลึกลงไปถึงระดับหมู่บ้าน ครัวเรือน ที่ทำการเกษตร เพราะเกษตรเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นฐานรากใหญ่ในการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีอาสาสมัครเพื่อไปขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ให้ประสบความสำเร็จ สำหรับสร้างเศรษฐกิจให้ประเทศฐานรากต่อไป

“ทั้งหมด ก็ไม่ได้แปลว่า ประชาธิปัตย์มีนโยบาย 8+8 เป็น 16 แต่เรายังมีนโยบายอื่น ๆ อีกหลายนโยบาย เกือบจะเรียกว่าเป็นร้อยนโยบาย แต่ที่จะนำมาแถลงข่าวเปิดตัวนั้น จะได้คัดมาเฉพาะนโยบาย ที่ประชาชนจะเข้าถึงได้ง่าย และพรรคก็มีความประสงค์ที่จะนำมาไฮไลต์ ขีดเส้นใต้เป็นกรณีพิเศษเท่านั้น ซึ่งนโยบายที่ได้แถลงมาทั้งหมดจะได้รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วย ไม่แยกจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง” นายจุนทร์กล่าว