สันติ ค้านแบงก์ชาติแปลงเงินนอกระบบเข้าระบบดอกเบี้ยสูงปรี๊ด

สันติ พร้อมพัฒน์
สันติ พร้อมพัฒน์

สันติ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ-รมช.คลัง ถกทีมเศรษฐกิจ พปชร. ด่วน ค้าน ธปท. แปลงเงินนอกระบบเข้าในระบบ ดอกเบี้ยสูง อัดปล่อยนายทุนดอกเบี้ยต่ำ สูงกว่าคนจน 10 เท่า เล็งมาตรการเบาไปหาหนัก ขอความร่วมมือ-บังคับแบงก์พาณิชย์กำหนดสัดส่วนปล่อยกู้นายทุน-เอสเอ็มอี

วันที่ 22 มีนาคม 2566 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พลังประชารัฐและรมช.คลัง กล่าวถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะรับรองที่จะแปลงเงินนอกระบบมาเป็นในระบบและคิดดอกเบี้ย 20-30% ว่าไม่เห็นด้วย ถ้าจะปรับจากหนี้นอกระบบมาเป็นหนี้ในระบบ ดอกเบี้ยต้องลดลงให้ได้มาตรฐาน คนจนทำมาหากินยากลำบากอยู่แล้ว ยังต้องมาแบกดอกเบี้ยขนาดนี้ ส่วนนายทุนเสียดอกเบี้ย 2-3% ห่างกันเป็น 10 เท่า เดี๋ยวเราจะลงไปแก้ปัญหา

“มาตรการระบบเงินฝากของประเทศไทย เงินฝากทั้งหมดของประชาชนในประเทศฝากเงินไว้กับธนาคาร 22 ล้านล้านบาท เงินมหาศาลทั้งประเทศไปรวมอยู่ในธนาคาร 10 กว่าธนาคาร ซึ่งปล่อยกู้เฉพาะกิจการขนาดใหญ่มากมายมหาศาลระบบท็อปเท็นของประเทศ ส่วนระดับข้างล่างผมกับพรรคพลังประชารัฐได้รับการบ่น การขอร้องมาจาก SMEs หรือแม่ค้าหาบแร่แผงลอยเข้าไม่ถึง

ซึ่งแหล่งเงินเหล่านี้เป็นเงินฝากของพี่น้องประชาชน แล้วได้ดอกเบี้ยเงินฝากเท่าไหร่ 1% หรือ .75 เท่านั้นเอง แต่เวลาแบงก์เอาไปปล่อย 7-8% พอแบงก์กำไรมากขนาดนี้ สมรรถภาพหรือความแข็งแรง ความสามารถของแบงก์ก็ลดลง ขณะเดียวกันแบงก์ชาติยังคิดว่าจะแก้หนี้นอกระบบโดยให้คนยากคนจนที่จำเป็นต้องกู้เงินมาประกอบอาชีพเล็ก ๆ น้อย ๆ ค้าขายแผงลอยตั้ง 28-30 กว่าเปอร์เซ็นต์ จะเป็นธรรมไหม” นายสันติกล่าวและว่า

“ธนาคารเมื่อรับเงินฝากของประชาชนมาถึง 20 ล้านล้านเศษ เป็นเงินทุนของประเทศ เอารวมกองอยู่ที่ธนาคารแล้ว ธนาคารก็จะต้องปล่อยเงินเหล่านี้ออกไปพัฒนาประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนทุกระดับ การที่บอกว่าจะไปปล่อยกู้เฉพาะธุรกิจใหญ่ ๆ ระดับชาติใหญ่ ๆ อย่างนี้ แล้วไปคิดดอกเบี้ยถูกๆ 3 4 5% แต่พอคนยากคนจนจะกู้ขึ้นมา คนไทยเหมือนกัน ดอกเบี้ยอย่างนั้น (20-30%) ใครจะรับไหว ก็มีแต่จะจนลง ๆ ถ้ากู้แบบนี้ ไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากเลย” นายสันติกล่าว

นายสันติกล่าวว่า เพราะฉะนั้นจะต้องดูว่าสัดส่วนการปล่อยกู้ของธนาคารใครจะมีสัดส่วนอย่างไร ปล่อยให้บริษัทใหญ่ ๆ ข้ามชาติกี่เปอร์เซ็นต์ และจะต้องปล่อยระดับรากหญ้าที่ทำมาหากินกี่เปอร์เซ็นต์

เมื่อถามว่า เป็นการขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์เท่านั้นใช่หรือไม่ นายสันติกล่าวว่า ก็ต้องดูว่าให้ความร่วมมือหรือไม่ ถ้าไม่ให้ความร่วมมือก็จะต้องมีกฎมีเกณฑ์บังคับ ไม่ใช่นั้นความเสมอภาคในการประกอบสัมมาอาชีพไม่เท่ากัน เพราะถ้าเสียดอกเบี้ยสูงขนาดนี้ การประกอบอาชีพเป็นอุปสรรคแน่

เมื่อถามว่าจะต้องอาศัยธนาคารเฉพาะกิจของรัฐมาช่วยหรือไม่ นายสันติกล่าวว่า แบงก์รัฐก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อันนี้พูดถึงเงินฝากของประชาชนที่ได้ (ดอกเบี้ย) ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ


นายสันติกล่าวว่า ยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้และพรรคพลังประชารัฐจะประชุมเพื่อหารือกัน จะมีมาตรการอะไร ซึ่งจะเป็นมาตรการอะไรก็แล้วแต่ถ้าพี่น้องประชาชนให้การสนับสนุน เรามั่นใจว่าจะทำได้ อำนาจทุกอย่างอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ถ้านายกฯ ไม่ทำ ประชาชนก็จะเจออย่างนี้