ผบ.ทบ. ลั่น ไม่มีคำว่า “ปฏิวัติ” ไม่หวั่นเจอปฏิรูป หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ (ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน)

“ผบ.ทบ.” ยัน ลบคำว่า “ปฏิวัติ” ออกจากพจนานุกรมกองทัพในยุคตน บอกนักข่าวไม่ควรพูด ไม่ควรถาม และไม่ควรเขียน ไม่หวั่นเจอปฏิรูปหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล บอกทหารเป็นเพียงข้าราชการประจำ พร้อมดึงสติประชาชน บ้านเมืองต้องการความสงบ เรียบร้อย เศรษฐกิจจะได้ดี

วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เชิญชวนให้กำลังพลไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เพราะเป็นหน้าที่ในการสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กองทัพบกโดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นได้เน้นย้ำมาตลอด

นอกจากนี้ ยังใช้สื่อของกองทัพบกในทุกช่องทาง เพื่อสื่อสารกับกำลังพลและครอบครัวให้ออกไปใช้สิทธิ เพราะหน้าที่ของพลเมืองที่ดีคือการไปเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิของตัวเองให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากเตือนกำลังพลถึงแนวทางปฏิบัติการไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า เรื่องแนวทางการปฏิบัติ ก็ให้ระมัดระวังอย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะในด้านใด ซึ่งในวันที่ 12 พฤษภาคม ถือเป็นวันราชการวันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ก็จะเน้นย้ำกันอีกครั้ง โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เช่น การสวมเสื้อที่มีชื่อพรรคการเมืองเข้าไปในพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง รวมถึงหลังเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม งดการหาเสียง

เมื่อถามต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ทหารตกเป็นเป้าในการยกเลิกเกณฑ์ทหาร และมองว่าทหารไม่จำเป็น มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ใครจะเข้ามา เขาก็มีสิทธิที่จะทำตามนโยบายของเขา ในส่วนของเราที่เป็นทหาร ก็มีสิทธิทำข้อมูลชี้แจงถึงความจำเป็นในการมีทหาร หรือจำเป็นในการเกณฑ์ทหาร

“นั่นเป็นเรื่องที่นายทหารจะต้องพูดคุยกัน ซึ่งมีทั้งเรื่องที่คนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คือเป็นเรื่องปกติ และเป็นสิทธิที่ทุกคนจะมีแนวคิดหรือมุมมองด้านใดก็ได้” พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าว

เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์หลังเลือกตั้ง เพราะมองว่าจะมีความวุ่นวายจะเดือดร้อนทหารอีกหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า “ผมไม่ห่วง เพราะเชื่อว่าเรามีบทเรียนมามากแล้วในอดีต เพราะฉะนั้นทุกคนมาถึงจุดนี้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยก็ต้องเดินไป

แต่ทุกคนก็ต้องมีสติว่าอะไรควร ไม่ควร สำหรับบ้านเมืองเรา และบ้านเมืองต้องการอะไร ซึ่งก็ต้องการความสงบเรียบร้อย บ้านเมืองจะได้เจริญ เศรษฐกิจจะได้ดี แต่ถ้าเราคิดจะขัดแย้ง ก่อความวุ่นวาย บ้านเมืองและคนส่วนใหญ่ก็จะได้รับความเดือดร้อน จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะต้องกังวล แต่ทุกคนควรมีสติ”

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงและการคงไว้ของเดิมอันไหนดีกว่ากัน พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า เรื่องคงเดิมหรือเปลี่ยนใหม่ เป็นเรื่องของวันเวลา ที่เปลี่ยนใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลง ต้องดูว่าเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ดี ซึ่งมี 2 ทาง เพราะฉะนั้นทุกคนถ้ามีสติและมีข้อมูลอย่างรอบด้าน จะพิจารณาได้ว่าทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ตามกาลเวลาและสถานการณ์โลกใบนี้ เช่นเดียวกับชีวิตพวกเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้น ความเปลี่ยนแปลงมีอยู่แล้ว เพียงแต่ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี

เมื่อถามว่า อีก 5 เดือนที่เหลือในตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบกยืนยันได้หรือไม่ว่า สถานการณ์จะเรียบร้อย ไม่มีทหารออกไปทำอะไรให้ประชาชนหวาดวิตก พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า “ผมยืนยันไม่ได้ นั่นหมายถึงว่า ในส่วนของบ้านเมืองจะเรียบร้อยหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน แต่ในสิ่งที่ผมยืนยันได้ในเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ผมบอกแล้วว่ามันติดลบ ติดศูนย์ ผมยืนยันเรื่องนั้นแน่นอน”

เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีการปฏิวัติหลังการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า คำพวกนี้ตนบอกนักข่าวไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ควรพูด ไม่ควรถาม และไม่ควรเขียน เพราะจะเป็นการปลุกความคิดที่ขัดแย้งต่อเนื่อง ซึ่งมันควรจะไม่มีแล้ว เพราะคำพวกนี้มันควรไม่มีแล้ว คำพวกนี้ที่คิดว่า ไม่ดีไม่เหมาะสมกับประเทศ ตนจึงขอร้องผู้สื่อข่าวควรลบออกไปจากพจนานุกรมของผู้สื่อข่าว

เมื่อถามย้ำว่า ต้องลบออกจากพจนานุกรมของกองทัพด้วยหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ พยักหน้า พร้อมกล่าวว่า “สำหรับผมนะลบแน่นอน”

เมื่อถามว่า ไม่ควรจะมี แต่ใช่ว่าจะไม่มีใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า “ก็ยังคงถามอยู่อีก ก็คือสิ่งที่เราสื่อสารกัน ผมก็เข้าใจนักข่าว ที่ต้องถามเรื่องพวกนี้ ผมจึงบอกว่าให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ไม่ควรมีคำพวกนี้”

เมื่อถามว่า มีคนไปปลุกกระแส หากมีคนไปเลือกพรรคโน้นแล้วทหารจะออกมา พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า “ไม่รู้”

เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ทางกองทัพว่าอย่างไร พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของสถานการณ์ในอนาคต ไม่มีใครตอบได้ จนกว่าจะถึงวันที่ 14 พฤษภาคม หรืออะไรก็ว่ากันไป ซึ่งถือเป็นเรื่องของนักการเมือง จะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ทหารเป็นเพียงข้าราชการประจำ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง