นายกสมาคมทนายความชี้ ประเทศไทยต้องมีมาตรา 112 คุ้มครองสถาบัน

นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์

นายกสมาคมทนายความชี้ ประเทศไทยต้องมีมาตรา 112 คุ้มครองสถาบัน ชงตั้งคณะทำงานกลั่นกรอง ไม่ควรใช้สำนักพระราชวัง ตำรวจ-อัยการต้องไม่ฟ้องไว้ก่อน ศาลต้องกล้าให้ประกัน

วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า ตามที่เกิดประเด็นถกเถียงกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เห็นว่าควรมีการยกเลิก ควรมีการแก้ไข และไม่ควรแตะต้องเลยนั้น

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่า ไทยจำเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อปกป้องสถาบันหลักของประเทศ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งประมวลกฎหมายอาญาได้มีบัญญัติเพื่อการปกป้องสถาบันหลักทั้ง 3 แล้ว ดังนี้

(1) การปกป้องสถาบันชาติ ได้แก่ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐตามมาตรา 116 มีโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

(2) การปกป้องสถาบันศาสนา ได้แก่ ความผิดต่อศาสนาตามมาตรา 206 มีโทษจำคุกหนึ่งปีถึงเจ็ดปี

(3) การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้แก่ ความผิดตามมาตรา 112 มีโทษจำคุกสามปีถึงสิบห้าปี

ดังนั้น การที่พรรคการเมืองบางพรรคเสนอให้มีการยกเลิกมาตรา 112 นั้น เห็นว่าเป็นข้อเสนอที่มีอคติและไม่มีเหตุผลรองรับ เพราะประเทศมีกฎหมายปกป้องสถาบัน ชาติ และศาสนาแล้ว เหตุใดจึงจะยกเลิกการปกป้องสถาบัน

ส่วนที่เสนอให้แก้เป็นความผิดที่ยอมความได้ และมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปียิ่งขาดเหตุผล เพราะมาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มีหลักการเดียวกับมาตรา 116 และ 206 จึงต้องเป็นความผิดต่อรัฐที่ยอมความไม่ได้ และมีอัตราโทษเช่นเดียวกัน ส่วนที่บางฝ่ายเห็นว่าควรมีการแก้ไขอัตราโทษให้สอดคล้องกับมาตรา 116 และ 206 ก็เป็นเรื่องที่รัฐสภาจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม

ปัญหาที่แท้จริงของมาตรา 112 ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ จึงเกิดการกลั่นแกล้งโดยใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือทำร้ายอีกฝ่าย ส่วนที่เสนอให้สำนักพระราชวังเป็นผู้เสียหายยิ่งไม่บังควร เพราะจะเป็นการดึงเอาสถาบันมาเป็นคู่กรณีกับประชาชน

สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ควรมีการตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณากลั่นกรองว่าการกระทำใดเป็นความผิดต่อมาตรา 112 หรือไม่ เพื่อให้ตำรวจและอัยการถือปฏิบัติ ไม่ให้เกิดกรณีฟ้องไว้ก่อนเพื่อเอาตัวรอด

ส่วนศาลก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ให้เป็นเช่นเดียวกับความผิดฐานอื่น หาไม่แล้วจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อสถาบัน เพราะความขลาดกลัวและการใช้ดุลพินิจที่เลือกปฏิบัติของศาล ให้ความเป็นธรรมกับคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวให้เป็นเช่นเดียวกับความผิดฐานอื่น หาไม่แล้วจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อสถาบัน เพราะความขลาดกลัวและการใช้ดุลพินิจที่เลือกปฏิบัติของศาล