นายกฯ ถก รมว.กลาโหมมาเลเซีย ขอหนุนสินค้าเกษตรไทยไม่ให้ราคายางพาราตกต่ำ

นายกฯพบ รมว.กลาโหมมาเลฯกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงรับมือภัยคุกคามใหม่ ขอหนุนสินค้าเกษตรไทยไม่ให้ราคายางพาราตกต่ำ ด้านมาเลฯชื่นชม “บิ๊กตู่” บริหารประเทศก้าวหน้า แก้ปัญหาชายแดนใต้ด้วยสันติวิธี

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับ ดาโต๊ะ สรี ฮิซัม มูดิน บิน ตุน ฮุสเซน (Dato’ Seri Hishammuddin Bin Tun Hussein) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย โดยนายกฯ ยินดีที่ได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซียอีกครั้ง ในโอกาสเดินทางมาเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee – GBC) ไทย – มาเลเซีย ครั้งที่ 54 ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียดำเนินมาอย่างใกล้ชิดและแน่นแฟ้น มีการแลกเปลี่ยน การเยือนระหว่างผู้นำทั้งในระดับรัฐบาลและกองทัพอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างไทยและมาเลเซียเสร็จสมบูรณ์ มีการลงนามร่วมกันระหว่างเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา สำหรับการบริหารจัดการชายแดนไทย-มาเลเซียนั้น ทั้งสองฝ่ายมีกลไกความร่วมมือภายใต้คณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนร่วมระหว่างไทย–มาเลเซีย ซึ่งได้มีการหารือกันเรื่องการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจเรื่องรั้วเดี่ยวบนเส้นเขตแดนไทย–มาเลเซีย

พล.ท.วีรชน กล่าวอีกว่า ในการนี้นายกฯ แสดงความประสงค์ให้ไทยและมาเลเซียกระชับความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์มากกว่าการเป็นคู่แข่งขัน เพื่อผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น พร้อมขอให้มาเลเซียสนับสนุนสินค้าทางการเกษตรของไทย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาราคายางพาราไม่ให้ตกต่ำ ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซียรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาพบกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และแสดงความชื่นชมการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงและก้าวหน้าในทุกมิติ โดยเฉพาะความมีเสถียรภาพและความมั่นคงทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมของไทย พร้อมกล่าวว่านายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฝากความระลึกถึงมายังนายกรัฐมนตรี

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นด้านความมั่นคง โดยเห็นว่าปัจจุบันประเด็นความมั่นคงมีความซับซ้อน จะต้องคำนึงถึงทุกมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ Cyber Security และ Financial Security อย่างไรก็ตามต้องไม่ละเลยเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ และการก่อการร้าย พร้อมกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมั่นคงทางสื่อออนไลน์ ที่ปัจจุบันมีการลงข้อมูลข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้เป็นปัญหาสังคมและความมั่นคงของชาติ ทั้งนี้นายกฯได้เสนอให้มีการเปิดฮอตไลน์ (Hotline) เพื่อเป็นช่องทางสื่อสารโดยตรง สำหรับเจ้าหน้าที่ในทุกระดับที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า สำหรับปัญหาโรฮีนจานั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าประเทศใดประเทศหนึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาโดยลำพัง แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศ ทั้งนี้การให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน ให้ชาวโรฮีนจามีคุณภาพชีวิตที่ดี จะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ได้แก่ การสนับสนุนอาหาร การศึกษา และสาธารณสุข ซึ่งจะทำให้ปัญหาโรฮีนจาลดลงได้ โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแสดงความชื่นชมรัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธี และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่สันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการพูดคุยอยู่ในช่วงของการสร้างความไว้เนื้อเชื้อใจระหว่างคณะพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐซึ่งต้องอาศัยเวลา โดยขณะนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการหารือขั้นตอนการจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) พร้อมแสดงความขอบคุณมาเลเซียที่มีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ด้านการอำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยหวังจะได้รับความร่วมมือดังกล่าวจากฝ่ายมาเลเซียต่อไป ทั้งนี้นายกฯ กล่าวว่าจะนำประเด็นที่พูดคุยกันวันนี้ ไปหารือกับนายกฯมาเลเซีย ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ 2018 เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างกัน ให้ไทย-มาเลเซียเติบโตอย่างยั่งยืน