เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยื่นหนังสือ ประยุทธ์ ค้าน กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย

“หม่อมโจ้” โผล่หนุน เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ยื่นหนังสือถึง “ประยุทธ์” ค้านนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประกาศสู้จนกว่าจะชนะ ไล่ “ชูวิทย์” ไปศึกษาข้อมูลใหม่

วันที่ 9 มิถุนายน 2566 ที่บริเวณตึก กพร.หน้าทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำโดย นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายฯ นายอัครเดช ฉากจินดา นางสาวช่อขวัญ คิตตี้ ช่อผกา นายอร่าม ลิ้มสกุล หรือ ลุงดำ ประธานวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสนธยา แซ่โย้ว หมอยาเกาะพะงัน

รวมถึงประชาชนทั่วไปทั้งผู้ใช้กัญชา และผู้ประกอบการกว่า 100 คน ได้รวมตัวกัน เพื่อร่วมทำกิจกรรมเนื่องในวันกัญชาไทย นับจากการวันปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 โดยในช่วงเช้ามีการลงนามในหนังสือแสดงเจตนารมณ์ไม่เอากัญชากลับสู่ยาเสพติด เพื่อรวบรวมนำเสนอต่อ รมว.สาธารณสุข คนต่อไป

ต่อมาในช่วงบ่าย เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โดยมี นายสมภาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับ โดยบอกจะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป

จากนั้นได้มีการระดมความคิดเห็นกัญชาควรควบคุมด้วยกฎหมายยาเสพติด หรือกฎหมายพระราชบัญญัติ  โดยหนึ่งในผู้แสดงความคิดเห็นคือ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร ซึ่งเป็นผู้ที่ใช้กัญชามาเป็นเวลานาน กล่าวว่า วันนี้มาเป็นแนวร่วมและสนับสนุนเพื่อป้องกันไม่ให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เพราะกัญชาก็เป็นพืชอย่างหนึ่งที่เป็นธรรมชาติ ที่มีมาก่อนมนุษย์ ก่อนพวกที่เขียนกฎหมายเกิด

เพราะฉะนั้นพวกท่านไม่มีสิทธิมาสร้างกฎหมายควบคุมกีดกัน แล้วมาอ้างว่ามีผลเสีย ซึ่งมันเป็นข้อเสียของคนบางคนที่นำไปใช้ไม่ถูก ยืนยันว่ากัญชามีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ไม่ว่ารัฐบาลไหนจะมาบริหารประเทศ ถ้าดึงดันนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เจอม็อบเต็มถนนแน่นอน

“คุณเป็นใครที่จะมาเป็นเจ้าของธรรมชาติ พวกคุณอ้างเสรีภาพ แต่มากำหนดเสรีภาพคน มันไม่ถูกต้อง กัญชาเป็นยาตามคัมภีร์พระเวทสามารถใช้เป็นยารักษาได้หลายร้อยโรค แม่ผมก็ใช้แก้โรคนอนไม่หลับ เมียก็ใช้เวลาปวดประจำเดือน และไม่ใช่ยาเสพติดผมไม่สูบก็ไม่เคยลงแดง ผมถามหน่อยว่าเรามีกษัตริย์มากี่สมัย ไม่เคยมีท่านไหนห้ามประชาชนใช้กัญชา”

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย

“มีพงศาวดารฉบับไหนระบุไหมว่าเมืองล่มสลายเพราะกัญชา กรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้ล่มสลายเพราะกัญชา แต่เสียงกรุงเพราะคนมัวแต่ไปมัวเมาอยู่กับเรื่องเพศ กาม และผู้หญิง เรื่องนี้นายชูวิทย์ ควรรับรู้และไปศึกษามาเสียใหม่ก่อนที่จะคัดค้าน” ม.ล.รุ่งคุณกล่าว

ม.ล.รุ่งคุณ ให้ความเห็นกรณีมีการใช้กัญชาในเด็กว่า ตนก็มีลูก บ้านก็ปลูกกัญชา เรากินใช้เรารับผิดชอบของเรา แต่ถ้าใครนำไปใช้ในทางไม่ถูกก็เป็นความรับผิดชอบของเขา เปรียบเหมือนมีด มันจะอันตรายก็ต่อเมื่อมันไปทำร้ายคนอื่น แล้วเราต้องแบนมีดไหม กัญชามาจากธรรมชาติ อย่าทำตัวเป็นพระเจ้า แล้วตกอยู่ภายใต้อำนาจบริษัทยายักษ์ใหญ่ ที่มีบริษัทน้ำมันของไทยร่วมลงทุน

แล้วบริษัทน้ำมันนั้นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็เป็นคนของพรรคการเมืองที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์และความป่วยทางจิตของคนกลุ่มนี้

นายประสิทธิ์ชัยกล่าวว่า 3 พรรคการเมือง ที่ร่วมลงนามเอ็มโอยู ทั้งเพื่อไทย ก้าวไกล และประชาชาติ ก็ร่วมศึกษาและเป็นผู้เสนอว่าให้เอากัญชาออกจากยาเสพติด แต่มากลับคำพูดในภายหลัง เพื่อเอาชนะกันในทางการเมือง สร้างข่าวเท็จจนทำให้ประชาชน ห่างไกลจากข้อเท็จจริงไปมาก คนที่ไม่เอาข้อเท็จจริงมาพูดกันก็ไม่ควรเป็นรัฐบาล

เราจะทำตามที่การเมืองต้องการแล้วให้กัญชาเป็นแพะในการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอข้อมูลและเจตนารมณ์ไปในทางเดียวกันว่า จะไม่ยอมให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอย่างแน่นอน และพร้อมที่ร่วมลงถนนต่อสู้เพื่อประชาชนเข้าถึงกัญชาได้

จากนั้น เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้ร่วมกันแถลงการณ์ กำหนดเส้นทางการขับเคลื่อนจนกว่าจะประสบความสำเร็จ โดยมีรายละเอียดว่า ถึงเวลามาร่วมกันกำหนดตำแหน่งแห่งที่ของกัญชาบนฐานข้อเท็จจริง โดย

1.กระบวนการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับพืชกัญชาควรตั้งอยู่บนความสง่างามทั้งเชิงกระบวนการและข้อเท็จจริง กล่าวคือ การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับกัญชาจะต้องเริ่มต้นจากข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน โดยนำข้อเท็จจริงทั้งมวลวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมในการควบคุมเพื่อนำข้อดีออกมาใช้และควบคุมข้อเสีย นอกจากเริ่มต้นด้วยข้อเท็จจริงแล้ว กระบวนการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับพืชกัญชาต้องมีส่วนร่วมของประชาชนบนวิถีทางประชาธิปไตย

2.เมื่อหัวใจสำคัญของเครื่องมือที่จะใช้ควบคุมกัญชาในประเทศไทยต้องเป็นเครื่องมือที่ประชาชนมีส่วนร่วมสังคมจึงต้องร่วมกันตัดสินใจว่าเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านแล้วควรใช้กฎหมายชนิดใดในการควบคุมกัญชาในประเทศไทยจึงจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนระหว่างกฎหมายยาเสพติดกับกฎหมายพระราชบัญญัติเฉพาะของพืชกัญชา

3.หากจะออกแบบพืชกัญชาที่สอดคล้องกับบริบทที่แตกต่างจะต้องมีเครื่องมือที่เอื้อให้เกิดการออกแบบใหม่ได้เพื่อให้กลไกที่ออกแบบนั้นสอดคล้องกับสภาพจริง การบังคับใช้จึงจะเกิดประสิทธิภาพ อีกทั้งการควบคุมกัญชาอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องควบคุมเชิงระบบตั้งแต่การปลูก การแปรรูป การนำเข้า ส่งออก การวิจัยพัฒนา

การควบคุมและการคุ้มครองเยาวชนและผู้บริโภค สังคมจึงต้องกลับมาพิจารณาว่ากฎหมายแบบไหนที่สังคมจะออกแบบกลไกได้อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างกฎหมายยาเสพติดกับพระราชบัญญัติเฉพาะเกี่ยวกับพืชกัญชา

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอประกาศว่า ในสังคมประชาธิปไตยจำเป็นต้องยึดถือหลักการประการหนึ่งคือกระบวนการกำหนดตำแหน่งแห่งที่ของสิ่งใดในประเทศจะต้องเริ่มจากฐานข้อเท็จจริง ประการถัดมากระบวนการและเครื่องมือที่ใช้ในสังคมประชาธิปไตยจะต้องเป็นเครื่องมือที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกแบบเพื่อให้กลไกนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด

เราต้องการให้กัญชาถูกกำหนดภายใต้กระบวนการของประชาธิปไตย จึงขอเชิญชวนทุกพรรคการเมืองมาใช้เครื่องมือบนเส้นทางประชาธิปไตย นั่นคือใช้ข้อเท็จจริงและกระบวนการที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนด

การนำกัญชาสู่ยาเสพติดเท่ากับปฏิเสธกระบวนการนโยบายบนเส้นทางประชาธิปไตย จึงขอให้พรรคการเมืองบนระบอบประชาธิปไตยไตร่ตรองให้มากไว้ และขอประกาศเจตนรมณ์ว่าเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยยืนยันว่ากัญชาจะต้องถูกกำหนดบนกระบวนการประชาธิปไตย

และขอคัดค้านพรรคการเมืองที่ปฏิเสธกระบวนการประชาธิปไตยในการกำหนดอนาคตกัญชาอย่างถึงที่สุด ขอให้ทุกฝ่ายกลับมากำหนดอนาคตกัญชาบนเส้นทางประชาธิปไตย