“บิ๊กตู่” เผยหารือ “ซูจี” แก้ปัญหาโรฮีนจา แนะหาแนวทางพร้อมเสนอประเทศสมาชิกช่วยเหลือ แจงนายกฯออสเตรเลียไทยปรังปรุงกม.เป็นสากลแล้ว บอกยังแข็งแรงเตรียมสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติรองรับเจ้าภาพเอเปคปี65
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ 2018 ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ว่า บรรยากาศในการประชุมครั้งนี้ดีมาก ทุกประเทศต่างช่วยกันนำเสนอประเด็นต่างๆ ที่เป็นการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียน-ออสเตรเลีย เพื่อทำให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ในภูมิภาค ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนสร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจ ระดับ Micro SMEs จึงอยากให้ SMEs ของไทยปรับตัวรวมถึงความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ระหว่างอาเซียน-ออสเตรเลียให้ปลอดจากภัยรูปแบบใหม่ แต่ทั้งหมดจะต้องใช้เวลา ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบปฏิญญาซิดนีย์ในกรอบกว้างๆ และลงนามความตกลงป้องกันการก่อการร้าย ความร่วมมือด้านก่อการร้ายสากล ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง ออกกฎระเบียบคุมการค้าขายออนไลน์ ทั้งนี้เห็นควรให้มีการปรับปรุง พัฒนาเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย หรือทาฟต้าให้คลุมทุกประเทศสมาชิก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรื่องที่ได้รับความสนใจคือปัญหาโรฮีนจา โดยตนได้พูดคุยกับนางอองซาน ซูจี ประธานแห่งรัฐเมียนมาและผู้นำทางการทหารพม่า เพื่อช่วยกันแก้ไข โดยให้พม่าไปหาแนวทาง พร้อมเสนอให้สมาชิกมีเอกภาพในการช่วยเหลือกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าในโอกาส หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เกือบ1 ชั่วโมง ได้เน้นย้ำเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชน เพราะปัจจุบันมีคนไทยในออสเตรเลีย กว่าแสนคน มีนักศึกษาเกือบ 2 หมื่นคน มีผู้ได้รับทุนโคลัมโบเรียนจบไปแล้ว 900 คน และจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันต่อไป เพื่อต้องการสร้างประโยชน์ต่างๆ ร่วมกัน
ทั้งนี้ได้เชิญนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเยือนไทย หลังไม่ได้ไปมากว่า 20 ปี ซึ่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียก็ตอบรับและจะรีบเดินทางไปเยือนไทย ขณะที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เน้นย้ำเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้ทุกคนเข้าถึง เท่าเทียมทางโอกาสพร้อมแสดงความเป็นห่วงเรื่องกฎกติกา และความทันสมัยของกฎหมายซึ่งตนได้มีการอธิบาย ว่าไทยได้ปรับปรุงให้เป็นสากลแล้ว ขณะที่จะสานสัมพันธ์ระหว่าง2 ประเทศ ที่จะครบ 70 ปี ในปี 2565 ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น พร้อมจะมีการจัดโรดโชว์ แลกเปลี่ยนความรู้แลกเปลี่ยนธุรกิจในสิ่งที่ประเทศเชี่ยวชาญ เช่นไทยเก่งเรื่องการต่อท่อ เส้นทางรถไฟฟ้า และการท่องเที่ยวขณะที่เห็นว่าออสเตรเลีย มีระบบการบริหารจัดการเมืองที่ดี ด้านการท่องเที่ยว ความสะอาด และการบริหารจัดการน้ำ จึงจะยกเป็นต้นแบบไปพัฒนาในไทย และยังมีแนวความคิด นำร่องมีศูนย์โฮมสคูลในประเทศไทยเพื่อลดภาระพ่อแม่ พร้อมเปรยว่าคิดถึงคนไทยและยืนยันว่า ยังไหว ยังแข็งแรงดีและการเดินทางมาประชุมครั้งนี้ ได้อะไรกลับไปหลายอย่างโดยเฉพาะ สำหรับการเตรียมเป็นประธานอาเซียนปีหน้าและเป็นประธานจัดประชุมเอเปคในปี 2565 ซึ่งจะสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติรองรับ
ที่มา มติชนออนไลน์