“บิ๊กตู่” จัดทัพเศรษฐกิจ-มั่นคง รับงบใหม่ 2.9 ล้านล้าน ขึ้นรัฐบาลเฟส 2

เข้าสู่ 100 เมตรสุดท้าย ฤดูกาลผลัดเปลี่ยน-หมุนเวียนข้าราชการ 3 ทัพ ทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหาร ก่อนเริ่มจุดสตาร์ตในวันที่ 1 ตุลาคม 2560

เป็นการเริ่มต้นปีที่ 4 ของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 19 สิงหาคม 2561 ตามโรดแมปคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งลูกไว้

เป็นการจัดทัพ 14 หน่วยงาน ปั่นผลงานรับเม็ดเงินงบประมาณใหม่ในปี 2561 ก้อนโตกว่า 2.9 ล้านล้านบาท

กระทรวงเศรษฐกิจ-การค้า ที่มีเป็นดอกไม้ในปลายปืนรัฐบาลทหาร ได้แก่ “นันทวัลย์ ศกุนตนาค” อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ “ดวงใจ อัศวจินตจิตร์” รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นเลขาธิการบีโอไอ

ขณะที่ภารกิจที่ต้องสานงาน-เผือกร้อนของรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้าย ได้แก่ การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นครั้งที่ 2 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 เพื่อจัดระเบียบผังเมืองใหม่ รับอุตสาหกรรม 4.0

นายธรรมยศ ศรีช่วย รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นปลัดกระทรวงพลังงาน แก้วิกฤตความมั่นคงด้านพลังงาน กับการขุดเจาะสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่-โรงไฟฟ้าถ่านหิน

รับโอน “จรินทร์ จักกะพาก” อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น “ข้ามห้วย” เป็นปลัดกระทรวงแรงงาน มารับ “เผือกร้อน” แก้ปัญหา พ.ร.ก.ต่างด้าวเอฟเฟ็กต์

นายเจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผชิญ “ระเบิดเวลา” ในร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฉบับใหม่-บัตรทอง

นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กับ “งานหิน” ยกเครื่องกระทรวงอุตสาหกรรมรับมือ “เศรษฐกิจทศนิยมใหม่”

นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการบีโอไอ เป็นปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กับ “งานร้อน” เข็น “เน็ตประชารัฐ” ให้ครบทุกหมู่บ้านภายในปี”61 แทนอดีตปลัด 2 คนที่ถูกสังเวยไปติด ๆ

ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจการเงิน-การคลัง กระเป๋าเงินรัฐบาล อาทิ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต รีดภาษีเข้ารัฐ นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ นายประภาศ คงเอียด รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ที่อาจจะมีรายการ “พลิกโผ” ในวินาทีสุดท้าย ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ถอนวาระแต่งตั้ง 3 เก้าอี้ใหญ่ ได้แก่ นางสาวบรรจงจิตย์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็น อธิบดีกรมการค้าภายใน นางกุลณี อิศดิศัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ฟากฝั่งฟันเฟืองที่โคจรอยู่รอบวง “ประมุขตึกไทยคู่ฟ้า” โดยเฉพาะ “หน้าใหม่” เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ขณะนี้ คือ เก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯ สมช.) แทน “พล.อ.ทวีป เนตรนิยม”

โดยมี “พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ” ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กระทรวงกลาโหม “คนในกองทัพ” สายตรง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร (อีกคน) ข้ามห้วย-แซงหน้า “สายพลเรือน”

ถ้าไม่ “พลิกโผ” พล.อ.วัลลภ จะเป็น “คนมีสี” คนแรก-แหกกฎเหล็กในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ “ฉบับใหม่” พ.ศ. 2559 มาตรา 22 วรรคสอง ที่กำหนดให้ต่อไปนี้ ตำแหน่งเลขาฯ สมช. จะต้องเป็น “ข้าราชการพลเรือน” แต่ “พล.อ.วัลลภ” ถือเป็น “ข้าราชการกลาโหม” เทียบเท่ากองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ

1 ส.ค.จะได้รู้ว่า “สายพลเรือน” หรือ “สายทหาร” จะเข้าวินหรือจะแหกโผ-เซอร์ไพรส์ “พล.อ.ทวีป” นั่งต่ออายุอีก 1 ปี ในช่วง “สถานการณ์พิเศษ” !!!

ขณะที่ “หน่วยขึ้นตรง” เบอร์ที่ 1 กองบัญชาการทำเนียบรัฐบาลอีก 2 ตำแหน่ง คือ เก้าอี้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ไม่มีดราม่า เมื่อ “พัชราภรณ์ อินทรียงค์” รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อาวุโสอันดับ 1 ขึ้นทำเนียบเป็น “ปลัดสำนักนายกฯหญิง” คนที่สอง ต่อจาก “ผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ” เก้าอี้หน่วยข่าวกรอง “ชูเกียรติ มาลินีรัตน์” รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สนข.) ลูกหม้อ สนข. ก็เข้าป้ายผู้อำนวยการ สนข.

ขณะที่กระทรวงมหาดไทย “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แต่งตั้ง-โยกย้าย

เตรียมรับ “ศึกเลือกตั้ง” คึกคัก 

ตั้งแต่ “หัวขบวน” เก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตามคาด-ไม่พลิกโผ “ฉัตรชัย พรหมเลิศ” อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะเก้าอี้พ่อเมือง ในพื้นที่ “เรดโซน” ภาคเหนือ-อีสาน อาทิ นายวัฒนา พุฒิชาติ เป็นผู้ว่าฯอุดรธานี นายสมศักดิ์ จังตระกุล เป็นผู้ว่าฯขอนแก่น นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ เป็นผู้ว่าฯอุบลราชธานี

นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม เป็นผู้ว่าฯเลย

นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ เป็นผู้ว่าฯพิษณุโลก

นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม เป็นผู้ว่าฯลำปาง นายวันชัย คงเกษม เป็นผู้ว่าฯร้อยเอ็ด นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ เป็นผู้ว่าฯสุโขทัย

เป็นการจัดแถว-จัดทัพรับรัฐบาลปี 4