“สมชัย” เข้าเก็บของที่กกต. ยัน ยังพูดเหมือนเดิม แต่อาจเพิ่มปมทุจริต “บก.ลายจุด” ได้ทีทาบเข้าพรรคเกรียน

เมื่อเวลา 10.00 น. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ได้เดินทางมาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจออกคำสั่งมาตรา 44 ให้ยุติการทำหน้าที่ ทั้งนี้ นายสมชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ของที่จะมาเก็บมีจำนวนไม่มากเพราะได้ทยอยเก็บไปก่อหน้านี้แล้ว   คาดว่าจะใช้เวลา 2- 3 วันในการเก็บของ และจะวันศุกร์น่าจะเป็นวันสุดท้ายและจะมีฉากอำลา กกต.ในเวลา 15.00 น. อย่างไรก็ตาม หลังรับทราบคำสั่ง คสช.ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เพียงแต่อึดอัด  เนื่องจากมีโทรศัพท์เข้ามาประมาณ 30-40 สาย  ได้พยายามรับสาย แต่รับได้ไม่หมด ส่วนตัวไม่มีอะไรนอนหลับฝันดี ไม่ได้คิดที่จะเรียกร้องความยุติธรรม หลังจากนี้ก็ยังทำงานทุกวันเพียงแต่ว่าจะไปทำงานที่ไหนเท่านั้นเอง ไม่ใช่ไม่มีที่แล้วจะว่างเปล่า บทบาทการตรวจสอบการเลือกตั้งก็จะทำต่อไป เบื้องต้นภรรยาดีใจมากหลังทราบคำสั่ง เพราะก่อนหน้าที่อยากให้ยุติการทำหน้าที่ กกต.

“อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่าหลังจากพ้นการเป็น กกต. ก็จะไปทำงานที่พี-เนต    และหลังจากนี้การแสดงความคิดเห็นก็จะเต็มที่เหมือนเดิม และจะขยายขอบเขตได้มากขึ้น  จากเดิมที่พูดแต่เรื่องของการเลือกตั้ง  แต่เมื่อไม่มีตำแหน่งหน้าที่  การให้ความเห็นต่อสาธารณะก็จะพูดได้กว้างขวางมากขึ้น รวมถึงเรื่องโครงการทุจริต ยืนยันว่าพ้นจากตำแหน่งก็ไม่กระทบต่อการทำงานของ กกต. เพราะมี 4 คนก็ทำงานได้  และ กกต.ทุกคนก็มีความรู้ความสามารถ  เพราะฉะนั้นโร๊ตแมปไม่เคลื่อนอยู่แล้วเพราะไม่มี กกต.สมชัย แต่มันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น” นายสมชัย กล่าว

@ เป็นเกียรติที่ถูกปลดคนแรกในประวัติศาสตร์

นายสมชัย กล่าวว่า ส่วนที่ตนโพสต์เฟซบุ๊กว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งทีได้เปิดหน้า คสช. นั้น เป็นความรู้สึกที่เป็นเกียรติจริง ๆเพราะไม่เคยมีใครที่จะได้เป็นข่างลงหนังสือพิมพ์หน้า 1 ทุกฉบับ และเป็นข่าวยาวๆ ในสื่อฯ โทรทัศน์ และไม่มีใครที่สื่อจะให้ความสนใจมาก จึงถือว่าเป็นเกียรติ ส่วนหนึ่งเพราะได้แสดงบทบาทอย่างเต็มที่ แต่เมื่อถามต่อว่า รู้สึกอย่างไรที่เป็น กกต.คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกคำสั่งพิเศษปลดออก  นายสมชัย กล่าวว่าเกียรติอย่างยิ่ง  และไม่กลัวว่าจะถูก คสช.เพ่งเล็งในการแสดงความเห็น เพราะ ตนรู้ตัวว่าพูดอะไร ไม่เคยพูดสิ่งที่เป็นเท็จ หยาบคาย ปลุกระดม นำเสนอแต่ข้อเท็จจริง

@ ไม่ถอนตัวชิงเก้าอี้เลขาฯ กกต.

ส่วนตำแหน่งเลขาฯ กกต. คิดว่าคำสั่ง คสช.ไม่ได้มีผลทำให้ขาดคุณสมบัติในการสมัครเลขาฯ เพราะไม่ได้มีกฎหมายใดที่เขียนว่า  การถูกคำสั่งให้ยุติการทำหน้าที่เป็นลักษณะต้องห้ามของการสมัคร  รวมทั้งตนก็ไม่ได้ถอนตัว  ดังนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาที่จะตรวจสอบคุณสมบัติ  และหากเห็นว่าตนมีคุณสมบัติครบก็จะประกาศให้เข้าแสดงวิสัยทัศน์ต่อ กกต. แต่คิดว่าเมื่อมีคำสั่ง คสช.ออกมาในลักษณะนี้ ก็น่าจะสร้างความลำบากใจให้กับ กกต. พอสมควร    เพราะการพิจารณาถ้าหากจะเลือกเราเพราะมีวิสัยทัศน์มีประสบการณ์  กกต.เองก็อาจจะลำบากใจที่จะต้องเลือก

@ ปัดเดินเกมท้า ม.44  

เมื่อถามว่าตั้งใจแสดงความเห็นเพื่อให้ คสช.มีคำสั่งปลดหรือไม่  นายสมชัยชี้แจงว่า  ตนไม่เคยเดินเกมอย่างนั้น  ตนก็ทำงานของตนไป โดยคิดว่าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อบ้านเมือง ก็ทำอย่างนั้นไป ไม่เคยคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง  ถือว่าเป็นการทำงานตามหน้าที่ แม้แต่ใน กกต.   แม้แต่บทบาท กกต. ก็ไม่เคยคิดไปเข้าข้างใคร   ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตนก็แสดงเตือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์หลายครั้ง  จนคนคิดว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลยิ่งลักษณ์   แต่จริงๆไม่ใช่ ตนเห็นว่าอะไรไม่ถูกต้องก็จะให้ความเห็นในฐานะที่เราเป็น กกต.   มีหน้าที่เห็นว่าอะไรไม่ถูกต้องก็ต้องออกมาเตือนกัน  ไม่คิดไปในเรื่องของการเล่นเกมส์  เพราะไม่ใช่เด็กแล้ว จะไปเล่นเกมก็ไม่ทัน

@ อุบไต๋ลงเล่นการเมือง

ส่วนจะมีโอกาสไปเล่นการเมืองหรือไม่  นายสมชัย กล่าวว่าคงต้องประเมินตัวเอง ว่ามีประสบการณ์ในเรื่องอะไร มีความรู้อะไร และทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองในโอกาสใดบ้าง  ซึ่งการทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองสามารถทำได้ในหลายรูปแบบ  คงไม่ใช่อาชีพนักการเมืองเพียงอาชีพเดียว  ที่จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง  แต่ยังมีอาชีพอื่นๆคงต้องดูไป จึงขอดูก่อนว่าจะมีอาชีพอะไรที่จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ตอบรับว่าจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด  ซึ่งตอนนี้เป็นได้ทุกอาชัพยกเว้นกรรมการองค์กรอิสระ เพราะกฎหมายกำหนดเป็นได้แค่ครั้งเดียว

@ บก.ลายจุดทาบเข้าพรรคเกรียน  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายสมชัย  ได้เดินทางไปหานายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด   ที่ร้านกาแฟภายในศูนย์ราชการฯ  ซึ่งเป็นสถานที่รวมพลของผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเกรียน   เมื่อมาถึงร้านกาแฟ นายสมบัติได้ออกมาต้อนรับ นายสมชัย   พร้อมขอแตะมือทักทายกัน   โดยนายสมบัติบอกว่าเป็นการทักทายแบบวัยรุ่น   ก่อนจะถามนายสมชัย ถึงกระบวนการจดชื่อพรรคเกรียน   ว่ากลุ่มตนสามารถใช้ชื่อพรรค “เกรียน”ได้หรือไม่ ซึ่งนายสมชัย กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบในฐานะ กกต. ได้   เนื่องจากพ้นจากตำแหน่งแล้ว  แต่โดยหลักการของการจดจัดตั้งชื่อพรรค ชื่อย่อเครื่องหมาย  ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดไว้  คือ ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือสร้างความแตกแยก

@ ชมมีอนาคต “เกรียนไกล”

นายสมบัติ ได้ชวนให้นายสมชัยเข้าร่วมพรรคเกรียน  เพราะนายสมชัยมีคุณสมบัติเหมาะสมกับพรรคเกรียน  ไม่เหมาะที่จะไปอยู่พรรคไหนเลย  ถ้าสนใจสมัครพรรคไหนและไม่มีใครรับสามารถมาร่วมกับพรรคเกรียนได้ เพราะจะได้เกรียนไกล  นายสมชัย ได้ตอบสั้นๆ ว่า ไม่รีบเข้าพรรคการเมืองไหนขอคิดก่อน

นายสมบัติ กล่าวว่า คุณสมบัติของผู้ที่จะมาสมัครพรรคเกรียนได้  ต้องเป็นคนไทย ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย  ต้องเป็นคนมีของ  ไม่ใช่มีชื่อมาอยู่ในพรรคเฉยๆ  และมีส่วนร่วมในการเสนอนโยบาย เช่น แก้ปัญหาหมาแมวจรจัด  ปัญหาการเกษตร ระบบการขนส่งมวลชน หากมาอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรตนจะเสนอปลดชื่อออกจากพรรค   อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่านโยบายของพรรคเกรียนกินขาดทุกพรรคการเมือง  ได้คะแนนเสียงหรือไม่ไม่ขอรับรอง  แต่มั่นใจในเรื่องของนโยบายที่พรรคได้เตรียมไว้

@ ไอเดียนำบันเทิงสู่การเมือง

“ชื่อพรรคเกรียน มีคนบอกผมว่าชื่อพรรคอาจจะมีปัญหา  แต่ผมมองว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะเปิดพจนานุกรมแล้ว และไม่ขัดต่อกฎหมายแน่นอน   พรรคเกรียนมีความหมายว่า สั้น สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย นี้คือคำว่าเกรียน   พรรคเรามีสโลแกนว่า  เป็นผู้นำความบันเทิง สู่การเมืองไทย  เพราะคิดว่าการเมืองไทยเครียดเกินไป เราไม่เน้นหาเสียง   แต่เน้นหาเรื่อง   ซึ่งเรื่องในที่นี้ คือ สิ่งที่เราสื่อสารผ่านสังคม  และสังคมสื่อสารกลับมา เพื่อเน้นหานโยบายให้ชัดเจน   อย่างไรก็ตาม ทางพรรคไม่ได้เตรียมชื่อสำรองไว้  ผมไม่รู้ว่าจะจดไม่ได้เพราะอะไร ถ้าจดไม่ได้ผมจะไปยื่นศาลปกครอง” นายสมบัติ กล่าวและว่าจากการเปิดให้ผู้สนใจสมัครในเว็ป พบมีผู้สนสมัครแล้ว 505 คน แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อมาตรวจสอบคุณสมบัติแล้วจะมีคุณสมบัติกี่คน

จากนั้น เวลา 11.00น.นายสมบัติ   พร้อมผู้ก่อตั้งพรรคเกรียน ได้เข้ายื่นจดแจ้งชื่อพรรค กับทางสำนักงาน กกต. เป็นลำดับที่ 68