“มาร์ค” รับลูกไอติม พร้อมปรับพรรคประชาธิปัตย์สู่ยุคใหม่ แนะบิ๊กตู่ ใช้ม.44 ระมัดระวัง

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่สถาบันพระปกเกล้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีพรรคทางเลือกใหม่จัดการประชุมพรรคเพื่อคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคในวันนี้ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อยู่แล้ว ในส่วนพรรคการเมืองใหม่จะต้องผ่านขั้นตอนการประชุมเพื่อก่อตั้งเป็นพรรคการเมือง คือ ต้องมีข้อบังคับเหมือนพรรคการเมืองทุกประการ ซึ่งการจัดประชุมในวันนี้จะต้องได้รับอนุญาตจาก คสช.แล้ว หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าการปลดล็อกพรรคการเมืองจะสามารถทำได้เมื่อไร ที่จริงก็เปิดให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ส่วนตัวไม่กังวลว่าพรรคเก่าจะเสียเปรียบพรรคการเมืองใหม่ เพราะพรรคการเมืองใหม่อยู่ในขั้นตอนที่จะต้องจัดตั้งพรรคให้เสร็จเรียบร้อย อยากให้ คสช.อนุญาตให้กลุ่มต่างๆ ตั้งพรรคขึ้นมาได้ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง

เมื่อถามว่ากรณีที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม หลานชาย กล่าวในงานเสวนาอนาคตประเทศไทยไปทางไหน เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมาระบุว่า พรรค ปชป.จะก้าวข้ามการเป็นพรรคอนุรักษนิยมเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ เป็นการสื่อว่าจากนี้ไปพรรค ปชป.จะผลักดันคนรุ่นใหม่อย่างเต็มที่ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ใช่ และขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่อีกจำนวนหนึ่งให้เข้ามาเยอะๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับพรรคและการเมืองไทย มั่นใจว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ เพราะคนทุกรุ่นในพรรคมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพรรคอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า จะถือเป็นการปรับโฉมใหม่ของพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า พรรคต้องมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอยู่แล้ว

ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ออกจากตำแหน่ง ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเป็นการแทรกแซงองค์กรอิสระนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้ คสช.ระมัดระวังการใช้อำนาจดังกล่าว เพราะมาตรา 44 เป็นเหมือนอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่กลับสามารถปลดองค์กรอิสระได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปในการเลือกตั้งจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงว่าทำไมคนมีอำนาจถึงสามารถปลด กกต.ที่ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ส่วนตัวมองว่าเหตุผลในการปลดนายสมชัยน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ เช่น ถ้าเห็นว่าเป็นการขัดกันของผลประโยชน์ ควรให้ตัวองค์กรพิจารณาเอง รู้สึกแปลกใจในการใช้อำนาจอย่างนี้ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเชิงระบบตามมา ส่วนเหตุผลของการปลดนายสมชัยที่ระบุในคำสั่งดังกล่าวถือว่าสมเหตุสมผลหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์มองว่า ถ้าเป็นเรื่องของการสรรหาเลขาธิการ กกต. น่าจะมีวิธีการตกลงกันได้ภายในองค์กร อีกทั้งไม่ได้คิดว่าการให้สัมภาษณ์ของนายสมชัยจะกระทบต่อความมั่นคง จึงกังวลว่ากรณีนี้อาจส่งผลต่อการเลือกตั้งในอนาคต อย่างไรก็ตาม เมื่อออกคำสั่งไปแล้ว นายกฯควรทบทวนว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเชื่อมั่นว่าองค์กรอิสระสามารถทำงานได้อย่างอิสระอย่างแท้จริง
ที่มา มติชนออนไลน์