“อภิสิทธิ์” เคาะสนิมการเมือง แข่งกับตัวเอง จนถึงวันเลือกตั้ง

ABHISIT V. นัมเบอร์ 9 ชื่อ-เลข สลักบนหลังเสื้อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผู้เล่นหมายเลข 1 พรรคประชาธิปัตย์ ในเกมฟุตบอลแมตช์กระชับมิตรระหว่างทีมประชาธิปัตย์ เอฟซี กับไทยคู่ฟ้า-ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯ

ในห้วงสนามเกมการเมืองปิดตายเกือบ 4 ปี “อภิสิทธิ์” นอกจากออกงานกิจกรรมเพื่อสังคม พบปะเกษตรกร-คนรากหญ้าลงลึกต่างจังหวัดแล้ว ยังออก “เดินสาย” เตะฟุตบอลกระชับมิตรกับคนหลายวงการจน “คิวแน่นเอี้ยด”

ในสนามฟุตบอล “อภิสิทธิ์” เล่นเป็น “หน้าเป้า-ตัวจบสกอร์” ประกบข้างด้วยตัวจ่ายบอล 2 เพลย์เมกเกอร์ อย่าง “ศิริโชค โสภา” อดีต ส.ส. และ “สาธิต ปิตุเตชะ” รองหัวหน้าพรรค คอยป้อนบอลให้ “อภิสิทธิ์” ทำประตูคู่แข่ง

แมตช์นี้แม้ “อภิสิทธิ์” จะสามารถทำสกอร์-ใส่ชื่อบนสกอร์บอร์ดได้เพียง 1 ประตู แต่เขาทำคะแนนจากแฟนคลับที่มาตาม “เชียร์ติดขอบ” สนามได้หลายคะแนนเป็นต้นทุน “ก้นหีบ” เลือกตั้ง ในสนามการเมือง “อภิสิทธิ์” เล่นเป็นตัวชูโรง-แถวหน้า เขาลีลาไม่แพ้ในเกมฟุตบอล ก่อนเสียงนกหวีดในสนามฟุตบอลจะดังขึ้นให้ “อภิสิทธิ์” ลับแข้ง เขาเปิดประตูห้องพักนักกีฬาภายในสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดงให้ “ลับคม” การเมืองก่อนลงสนามจริงในการเลือกตั้งครั้งหน้า

เขาเริ่มเขี่ย “ลูกการเมือง” กรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถูกมาตรา 44 เด้งฟ้าผ่า ว่า จะไม่ส่งผลถึงโรดแมปการเลือกตั้ง

ก่อนเกมฟุตบอลจะเริ่มต้นขึ้น “อภิสิทธิ์” วิเคราะห์เกมการเลือกตั้งที่จะมาถึง ทั้ง “ความฟิต” ของ “ตัวผู้เล่น” ในทีม และ “ทีมคู่แข่ง” ต่างพรรคและผู้เล่นสังกัดเดียวกันที่ออกไปตั้ง “พรรคใหม่” อย่าง “น้องชายสุเทพ เทือกสุบรรณ” นายธานี-กปปส.และการเสริม “ผู้เล่นหน้าใหม่”

“ถ้ามีการตั้งพรรค ทุกพรรคก็ต้องแข่งขันกัน”

ส่วนจะเป็นพันธมิตรกับประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น เขาไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ออกรับ “อะไรที่เป็นจุดยืนร่วมกัน เช่น เขาสนับสนุนงานปฏิรูป ซึ่งเราก็สนับสนุนอย่างนี้ แนวทางบางอย่างก็ไปด้วยกัน”

“กลยุทธ์ประชาธิปัตย์มุ่งหน้าที่จะให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด เดินหน้าว่าทำอย่างไรเราจะมีข้อเสนอให้กับผู้เลือกตั้งที่เขาเห็นว่า เราพึ่งได้ นำพาอนาคตประเทศไทยได้”

“สำหรับผมตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การแข่งขันกับตัวเอง เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่จะลงสนามการเมือง สถานการณ์โลกกับประเทศเปลี่ยน”

สำหรับตัวอดีต ส.ส.ภายในพรรค หลัง “เช็กตัวผู้เล่น” แล้ว เขาบอกว่า นอกจากนายสุเทพที่ลาออกไปกับนายธานีจะไปตั้งพรรคใหม่แล้ว ยังไม่มีใครแสดงว่าไม่ทำงานกับพรรค

“มีหน้าใหม่เข้ามาด้วย เน้นคนรุ่นใหม่ คนที่มาจากพื้นฐานที่หลากหลาย”

เขาออกตัวไม่ขอพูดถึงเรื่องนโยบาย แต่ขอพูดถึง “ทางเดิน” ของประชาธิปัตย์

เพราะยังมีหลายคน “เดาทาง” ไม่ออกว่า “พรรคเก่าแก่” ที่สุดจะ “ถือธง” ลงสนามด้วยแนวคิด-อุดมการณ์ทางการเมืองใด

“ก่อนพูดเรื่องนโยบาย ต้องพูดถึงหลักคิด อุดมการณ์ วันนี้บอกว่า สังคมมีทางเลือกอะไรบ้าง ทางเลือกที่ 1 ที่ คสช.ทำอยู่ เรียกว่า รัฐราชการ อนุรักษนิยม ทางเลือกที่ 2 กลับไปหาก่อนวันที่ 22 พฤษภาฯ 57 ประชานิยม คอร์รัปชั่น”

“ประชาธิปัตย์จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เรายืนยันหลักเสรีนิยมประชาธิปไตย อุดมการณ์การทำงานด้วยความซื่อสัตย์”

“อภิสิทธิ์” ประกาศชัดยึดหลัก “เสรีนิยมประชาธิปไตย” จะเป็น “ทางเลือก” โดยมีเป้าหมายเป็น “ทางหลัก” ให้ผู้เลือกในสนามการเลือกตั้ง

“ผมประกาศเป็นทางหลักอยู่คนเดียวไม่ได้ ใครจะเป็นหลักไม่ได้อยู่ที่พรรค อยู่ที่คนเลือกตั้ง”

“ประชาชนต้องมีทางเลือก แล้วจะไปจับมือกับใคร ผมก็เป็นหลัก ต้องถามใครจะจับมือกับผม ใครก็ได้ที่ยอมรับแนวทางและความคิดของเรา”

คำถามยอดฮิตบนอัฒจันทร์การเมือง…ประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคสนับสนุนทหาร-อุ้ม “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯคนนอก เข้าทำเนียบฯหรือไม่ เขา “ไม่ปิดทาง” ประชาธิปัตย์ แต่เลือกที่จะ “ปิดทาง” ตัวเองที่จะได้เป็นนายกฯสมัยที่ 2

“หนึ่ง ผมยังไม่รู้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯคนนอก หรือ นายกฯคนใน สอง สมมุติว่าเขารวบรวมเสียงเข้ามาได้เยอะ เราจะไปร่วมไหม ผมก็ต้องบอกว่า ต้องดูว่า แนวทางของเขาตรงกับแนวทางที่ผมไปหาเสียงไหม ปรับเข้ากันได้ไหม ถ้าปรับเข้ากันไม่ได้ ก็ไม่ไป”

แม้โรดแมป-วันเลือกตั้งกุมภาพันธ์ 62 จะถูกบิดไปบิดมาตามเกม “ดีเลย์แท็กติก” ของแม่น้ำ 5 สาย แต่เขาเชื่อว่าคงไม่หนีไปจากนี้ และ “พร้อม” ทันทีที่ คสช.เป่านกหวีดเริ่มเกม

“ปัญหาที่ไม่ควรจะทำให้เกิดความวุ่นวายและเป็นอุปสรรค คือ การไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำงานได้”

เขามั่นใจว่ากติกาการเลือกตั้งที่ยุบยับ-ติดดาบจะไม่สร้างปัญหาทำให้ประชาธิปัตย์ “แพ้ฟาวล์” ทว่าสุ้มเสียงของเขากลับเคลือบไปด้วยความวิตกกังวล

“ผมไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องสร้างปัญหามาอีก ข้อที่ 1 ไม่เห็นว่าการให้พรรคการเมืองทำตามกฎหมายจะกระทบความมั่นคง ข้อที่ 2 ความล่าช้าที่ไม่ให้พรรคปรับโครงสร้าง ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับใครเลย พรรคต้องทำตามกฎหมายและต้องทำให้ทันอยู่ดี”

“ข้อที่ 3 การดึงระยะเวลากฎหมายเลือกตั้งออกไป ที่อ้างว่าทำเพื่อให้ทุกอย่างพร้อม ยิ่งไม่พร้อม เพราะเมื่อกฎหมายการเลือกตั้งไม่ออก การแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก็ทำไม่ได้ ทำให้พรรคการเมืองที่จะไปบริหารเขตเลือกตั้งจะต้องมีสาขาก็ทำไม่ได้”

ก่อน “อภิสิทธิ์” จะเดินลงสู่สนามในเกมฟุตบอล เขาไม่ได้เปรียบเทียบ คสช.เป็นทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีอันดับเป็น “จ่าฝูง” บนหัวตารางลีกฟุตบอลของประเทศอังกฤษที่มีคะแนน “ทิ้งห่าง” ทีมอันดับสองถึง 16 คะแนน


“เปรียบยาก เพราะ คสช.แสดงตัวเป็นกรรมการอยู่ แต่ไม่ปิดทางที่จะลงมาเล่นเอง ผมจึงหาทีมที่ไหนในโลกเปรียบเทียบกับ คสช.ได้”