
นายกฯ เศรษฐา เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา เชื่อมั่นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา จะเดินหน้าสู่ความผาสุก สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประชาชน
วันที่ 28 กันยายน 2566) ณ วิมาน 7 มกราคม (ที่ทำการพรรคประชาชนกัมพูชา) กรุงพนมเปญ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน (Samdech Akka Moha Sena Padei Techo Hun Sen) ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ จากการหารือ ดังนี้
- วิกฤตหรือไม่วิกฤต คำตอบผู้ว่าการ ธปท.
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
นายกรัฐมนตรีรู้สึกยินดีที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานคณะองคมนตรีกัมพูชาในวันนี้ พร้อมชื่นชมว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โดยการเยือนครั้งนี้ถือเป็นการเยือนต่างประเทศในระดับทวิภาคีครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี
ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาต่างได้รับความเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันเดียวกัน รวมทั้ง สมเด็จฯ ฮุน มาเนต ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรี สะท้อนถึงมิตรภาพและความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของไทยกัมพูชา
ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชาแสดงความยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นนายกรัฐมนตรีจะสานต่อและยกระดับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมความร่วมมือทุกระดับของไทย-กัมพูชา ให้นำไปสู่ความผาสุก เจริญรุ่งเรือง และพร้อมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาอย่างเต็มที่
ภายหลังการเข้าเยี่ยมคารวะ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา เป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ เวลา 19.00 น. และเดินทางถึงไทยเวลา 20.20 น.
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาแต่งบทเพลงเพื่อแสดงความยินดีในโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทย
โดยมีเนื้อแปลว่า ยินดีต้อนรับมิตรที่ซื่อสัตย์ ไทย-กัมพูชามีความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ฯพณฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย เดินทางเยือนสะท้อนความหมาย ความสัมพันธ์ที่ผูกพันอย่างมีวิสัยทัศน์
มาถึงกัมพูชาเป็นประเทศแรกในอาเซียน การทูตเป็นสะพานระหว่างผู้นำใหม่เหมือนกัน เคารพอวยพร การเดินทางเยือนสะท้อนว่า ไทย-กัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านกันอย่างยาวนาน ร่วมมือกันส่งเสริมความสัมพันธ์ทุกด้าน
มาเยือนกัมพูชา เป็นประเทศแรกในอาเซียน การทูตเป็นสะพานระหว่างผู้นำใหม่เหมือนกัน เคารพอวยพร
การเดินทางเยือน สะท้อนถึงไทย-กัมพูชาซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันอย่างยาวนาน ร่วมมือกันส่งเสริมความสัมพันธ์ทุกด้าน
ก่อนหน้านี้ ณ สภาแห่งชาติ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พบหารือกับ สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี (Samdech Moha Rathsapheathika Thipadei Khuon Sudary) ประธานรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (President of the National Assembly of the Kingdom of Cambodia) โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีและประธานรัฐสภาฯ หารือถึงแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในมิติของรัฐสภา รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสมาชิกรัฐสภาของไทยและกัมพูชามากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่ได้มาเยือนกัมพูชาเป็นประเทศแรก
ซึ่งไทย-กัมพูชามีความร่วมมือและมีความสนิทสนมกันมายาวนาน โดยจะนำสิ่งที่ประธานสภาฯ ได้แนะนำมาไปสานต่อความร่วมมือกันต่อไป พร้อมเชื่อมั่นในประสบการณ์การทำงานของประธานสภา ในการส่งเสริมความร่วมมือของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะด้านแรงงาน ซึ่งมีแรงงานกัมพูชาอยู่ในประเทศไทยเกือบล้านคน และไทยยินดีช่วยดูแลแรงงานโดยคำนึงถึงมนุษยธรรม
ด้านประธานรัฐสภาฯ ยินดีกับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ที่มีมายาวนาน ไม่มีช่วงที่ห่างเหิน โดยหวังว่าทั้งสองประเทศจะเร่งทำงานสอดคล้องกัน พร้อมขอให้ไทยช่วยดูแลแรงงานกัมพูชาในไทย ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจในประเทศไทยพัฒนายิ่งขึ้น พร้อมเสนอให้รัฐสภาทั้งสองร่วมมือกัน โดยรัฐสภากัมพูชาต้องการเป็น e-parliament และ e-government เหมือนเช่นไทย และขอให้ไทยช่วยสนับสนุนการฝึกอบรม
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังพฤฒสภา กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะ สมเด็จวิบุลเสนาภักดี ซาย ชุม (Samdech Vibolsena Pheakdei Say Chhum) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายต่างชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ทั้งในระดับพระราชวงศ์และระดับประชาชน
ไทยยินดีส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับกัมพูชาในทุกสาขาที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศอย่างเต็มที่ต่อไป เพื่อส่งเสริมมิตรภาพ และความเข้าใจอันดีในทุกมิติและทุกระดับ