“ประชาธิปัตย์” คึกคักครบรอบ 72 ปี อดีต กปปส.ตบเท้ายืนยันสมาชิกพรรค ไร้เงา “สุเทพ”

“ประชาธิปัตย์” คึกคักก่อตั้งครบ 72 ปี อดีต กปปส.ตบเท้ายืนยันสมาชิกพรรค ไร้เงา “สุเทพ” ขณะที่ “มาร์ค”ปลุกสมาชิกยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 6 เมษายน เวลา 07.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดพิธีทำบุญเนื่องในโอกาสครบรอบ 72 ปีการก่อตั้งพรรค มีการประกอบพิธีทางศาสนาทั้งอิสลาม พราหมณ์ และพุทธ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรค สมาชิกพรรค ร่วมทำพิธี โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ นำกระเช้าดอกไม้มาร่วมอวยพรอย่างคึกคัก อาทิ พรรคชาติพัฒนา นำโดย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายสรอรรถ กลิ่นปทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรค และพรรคชาติไทยพัฒนา นำโดย นายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรค นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาพรรค นายวราวุธ ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พร้อมอดีต ส.ส.กลุ่มนิวบลัด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแกนนำ กปปส.ที่กลับมายืนยันตัวตนการเป็นสมาชิกพรรคเข้าร่วมด้วย อาทิ นายถาวร เสนเนียม นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ นายอิสระ สมชัย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ยกเว้นแต่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เท่านั้นที่ไม่ได้มาร่วม

ทั้งนี้ ในระหว่างทำพิธีศาสนาอิสลาม นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความหลากหลาย ไม่แบ่งแยกศาสนา ที่ผ่านมาพี่น้องมุสลิมมีบทบาทสำคัญกับพรรค สมาชิกพรรคที่เป็นมุสลิมมีชื่อเสียงและจะลืมไม่ได้คือ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เพราะมีความสำคัญกับพรรคและเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ แม้จะจากไปแล้วแต่ทุกคนยังนึกถึง ครอบครัวของนายสุรินทร์โดยเฉพาะลูกชายที่มีความพร้อมมาก แต่ติดปัญหาที่เขาได้สัญญากับพ่อไว้ว่าขอเรียนต่อปริญญาเอกให้จบก่อน

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี 2489 ตนก็แปลกใจว่า สิ่งที่ผู้ก่อตั้งพรรคประกาศไว้ยังทันสมัย ทั้งเรื่องประชาธิปไตย เศรษฐกิจ และเรื่องการกระจายอำนาจ และมั่นใจว่าพรรคจะเดินไปอย่างมั่นคง และเมื่อดูบรรยากาศการเมืองตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ทำให้ตนมั่นใจที่สมาชิกมายืนยันตัวตนจำนวนมาก ซึ่งอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นสิ่งที่พรรคอื่นไม่มี และยังไม่เห็นพรรคไหนที่จะมีอุดมการณ์มั่นคงเช่นนี้ โดยมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะอยู่คู่กับการเมืองไทยตลอดไป อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ในขณะนี้จะไม่ปกติ วันนี้สังคมไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อมั่นในการเมือง ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นผู้นำทำให้คนกลับมาศรัทธาประชาธิปไตย ยืนยันว่า ผู้บริหารของพรรคทุกคนจะทำทุกอย่างให้เป็นที่พึ่งหวังของประชาชน การเลือกตั้งจะมีหรือไม่ในปีหน้า แต่ยืนยันว่า จะต้องมาอยู่ร่วมกันที่นี่ เพราะมีจิตใจในการที่จะร่วมกันเดินไปข้างหน้า

ขณะที่ นายชวนกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้บ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้า พวกเราก็รู้ว่าวิกฤตการเมืองเกิดจากธุรกิจการเมืองที่ซื้อได้ เราต้องยึดมั่นในประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและยึดมั่นในระบบรัฐสภา ตนเป็นนักการเมือง ตั้งแต่ปี 2512 ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 15 สมัย ตนรักประชาธิปไตย จึงตัดสินใจเลือกที่จะมาเล่นการเมือง ดังนั้น ชีวิตนักการเมืองของตนจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูก และที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.บอกว่านักการเมืองเลว ไม่ดี ยอมรับว่านักการเมืองก็มีเลว แต่ทหารเลวก็มีเหมือนกัน และบอกท่านกลับไปว่า อย่าเหมารวม ซึ่งท่านก็บอกว่า ไม่ได้เหมา แต่เวลาท่านพูดก็ไม่เคยยกเว้น และยอมรับว่า นักการเมืองที่ดีก็มี จึงเป็นที่มาการพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เปลี่ยนไปแล้วว่า นักการเมืองก็มีดีเหมือนกัน ดังนั้นอย่าไปเหมารวม และพวกเราก็ต้องอย่าให้ใครมาดูถูก เพราะทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนไม่ดี

ด้าน นายบัญญัติ กล่าวตอนหนึ่งว่า การเมืองที่แน่นอน ถาวรต้องมาจากอุดมคติ ดังนั้นสมาชิกพรรคต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ เวลานี้ตนถูกใจในคำพูดของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม ที่คาดว่าจะเป็นกำลังสำคัญของพรรคในอนาคต บนเส้นทางที่น้าชายเขาเดินมาแล้ว ที่ให้ความหมายของนักการเมืองรุ่นใหม่ คือ 1.อายุน้อย 2.หน้าใหม่ทางการเมือง และ 3.มีความคิดใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งพวกเราทุกคนยังมีความคิดใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา สังคมเปลี่ยนบ้านเมืองเปลี่ยน ซึ่งเป็นเรื่องของนโยบายเท่านั้น แต่อุดมการณ์ต้องไม่เปลี่ยน ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจพรรคฟันฝ่าอุปสรรค ตนเชื่อมั่นว่า ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น อย่าไปกังวลกับการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง เพราะไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่ครั้งย่อมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จากการสรุปบทเรียนของผู้เกี่ยวข้อง อย่างไม่มีปัญหา และที่สำคัญทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงประชาชนก็จะแข็งแกร่งขึ้น

 

รูปภาพจากจากเพจ Democrat Party, Thailand

ที่มา : มติชนออนไลน์