เลขาฯสมช. ยันฝ่ายมั่นคงจับตาสถานการณ์ซีเรีย ชี้หากบานปลาย “ยูเอ็น” อาจเรียกถกฉุกเฉิน

The Damascus sky lights up missile fire as the U.S. launches an attack on Syria targeting different parts of the capital early Saturday, April 14, 2018. Syria's capital has been rocked by loud explosions that lit up the sky with heavy smoke as U.S. President Donald Trump announced airstrikes in retaliation for the country's alleged use of chemical weapons. (AP Photo/Hassan Ammar)

เมื่อวันที่ 15 เมษายน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดหลังกองทัพของสหรัฐอเมริกาปฏิบัติการโจมตี ทางทหารกับประเทศซีเรียว่า ฝ่ายความมั่นคงของประเทศมีการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมถึงต้องมี การประเมินเป็นระยะๆ ส่วนการโจมตีของสหรัฐฯความสูญเสียของประชาชนจะน้อย เพราะสหรัฐฯมุ่งโจมตีสถานีผลิตศูนย์วิจัยอาวุธเคมี ตรงนี้น่าจะไม่มีการขยายวงกว้างมากขึ้นในการโจมตี เป็นการป้องกันไม่ให้กระทบประชาชน และในส่วนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องที่หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องติดตามอยู่แล้ว ส่วนผลกระทบในภาพรวมแน่นอนย่อมเกิดผลกระทบไปในภูมิภาคและทั่วโลก เพราะประเทศมหาอำนาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ด้านเศรษฐกิจก็ต้องมีผลกระทบบ้าง เพราะประเทศซีเรียก็ถือว่าเป็นประเทศผลิตน้ำมันรายใหญ่ ตลาดหุ้นคงมีตกใจบ้าง

เมื่อถามว่ามีความจำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคงของ ประเทศต้องเรียกประชุมอะไรเป็นพิเศษ เพื่อเตรียมความพร้อมหรือไม่ พล.อ.วัลลภกล่าวว่า จะประเมินต่อไป ดูว่ามีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ และไทยในฐานะประเทศสมาชิกสหประชาชาติ การดำเนินการต่างๆจะยึดกฎหมายระหว่างประเทศ เราก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้เกิดความรุนแรง อยากให้ทั้งสองฝ่ายอดทนอดกลั้น สำหรับสถานการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ถ้ามองแง่ดีไม่น่าจะมีเหตุรุนแรงมากขึ้น เพราะฉะนั้นไม่อยากให้ประชาชนวิตกจนมากเกินไป อย่างไรขอให้ติดตามสถานการณ์ ส่วนคนไทยที่ซีเรียสตอนนี้จะในส่วนของแรงงานไทยในอิสราเอล อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งคิดว่าฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตที่นั้นคอยดูแลอยู่แล้ว

พล.อ.วัลลภ กล่าวว่า การใช้อาวุธเคมีเป็นเรื่องที่หลายประเทศไม่เห็นด้วยตามหลักกฎหมายสากล ระหว่างประเทศ เนื่องจากอานุภาพการนำมาใช้โจมตีดังกล่าวเป็นการทำลายชีวิตและสร้างความสูญ เสีย ทั้งนี้ ไทยไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียและอยากให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทน อดกลั้น ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหว ตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้มีคำสั่งใดๆ เพิ่มเติมนอกจากติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่หากสถานการณ์ดังกล่าว สร้างความห่วงกังวลยิ่งขึ้น อาจจะมีการประชุมองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สามารถเรียกประชุมฉุกเฉินได้หรือหากมีชาติสมาชิกร้องขอ

“ในการเดินทาง ไปสหรัฐอเมริกาของ พล.อ.ประวิตรในปลายเดือนเมษายนนี้ จะมีโอกาสได้พบปะหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯนั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการหารือในเรื่องประเด็นซีเรียด้วยหรือไม่ เนื่องจากเป็นการนัดหมายและวางกำหนดการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว” เลขาฯ สมช.กล่าว

 


ที่มา มติชนออนไลน์