
คอลัมน์ : Politics policy people forum
10 ธันวาคม ถูกจารึกในปฏิทินหลังปี 2500 ว่าเป็นวันรัฐธรรมนูญ
แต่ 10 ธันวาคม 2566 “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ฟื้นวันฉลองรัฐธรรมนูญขึ้นมาอีกครั้ง ในรอบ 66 ปี
เตรียมจัดกิจกรรมรื่นเริงที่อาคารรัฐสภา พร้อมเชิญ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง สส. อดีต สส. นักการเมือง มาร่วมรับประทานอาหารกับประชาชน และยังมีดนตรีมาแสดง และมีจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติรัฐธรรมนูญ
จัดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะคิกออฟกันทั้งปี 2567
ปดิพัทธ์กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา เราไม่มีการจัดงานในลักษณะนี้เลย และถ้าเราทำให้วันรัฐธรรมนูญสำคัญขึ้น ก็ถือว่าเป็นกระบวนการก้าวย่างสำคัญของประชาธิปไตย และทำให้รัฐสภาเป็นลานของประชาชนจริง ๆ
ฉลองระบอบรัฐธรรมนูญ
ในอดีตงานฉลองรัฐธรรมนูญ มิได้จัดเพียงแค่ 1 วัน แต่จัดอย่างน้อย 3 วัน มากที่สุด 17 วัน โดยงาน “ฉลองรัฐธรรมนูญ” ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในวันเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 2475 โดยความคิดของคณะราษฎร เพราะหวังใช้กลยุทธ์ทางอ้อมให้ชาวสยามหันมาสนใจการปกครองรูปแบบประชาธิปไตย อันมี “ระบอบรัฐธรรมนูญ” เป็นหัวใจสำคัญ แทนที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
โดยครั้งแรกจัดเพียง 3 วัน ในวันที่ 10-12 ธันวาคม 2475 ที่เขาดินวนา (สวนสัตว์ดุสิต) 1 วัน เป็นงานพระราชพิธี อีก 2 วันถูกจัดขึ้นเป็นวันรื่นเริง
ในปีต่อมาหลังผ่านพ้นการปราบ “กบฏบวรเดช” ของกลุ่มอำนาจเก่า ทำให้งานฉลองรัฐธรรมนูญ ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่
ตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน ยาวจนถึง 12 ธันวาคม 2476
ในปีต่อ ๆ มา “งานฉลองรัฐธรรมนูญ” ถูกจัดขึ้นทั่วประเทศอย่างพร้อมเพรียง รัฐบาลได้ส่งพานรัฐธรรมนูญไปทุกจังหวัด เพื่อให้ชาวบ้านซึมซับระบอบรัฐธรรมนูญมากยิ่งขึ้น ในแต่ละปีสถานที่จัดงานจะถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ตั้งแต่ สวนอัมพร สนามหลวง สวนลุมพินี ท่าราชวรดิฐ ขณะเดียวกัน กิจกรรม-การแสดง ไม่ได้มีเฉพาะลิเก ละคร โขน งิ้ว และการเต้นลีลาศ อีกต่อไป
จุดกำเนิดนางงาม-เบียร์สิงห์
เพราะมีเวทีประกวด “นางสาวไทย” ในครั้งนั้นใช้ชื่อว่า “นางสาวสยาม” ยังจัดขึ้นครั้งแรกในงานฉลองรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2477 ณ วังสราญรมย์ หวังใช้เวทีนางงามเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจ ให้คนเข้ามางานฉลองรัฐธรรมนูญ
ในปี 2481 เข้าสู่ยุครัฐบาล “จอมพล ป.พิบูลสงคราม” ที่มีนโยบายสร้างชาติสไตล์ลัทธิชาตินิยม จึงเปลี่ยนชื่อจาก “ประเทศสยาม” มาเป็น “ประเทศไทย” ทำให้การประกวด “นางสาวสยาม” ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นการประกวด “นางสาวไทย”
และในปีเดียวกัน “เบียร์สิงห์” ของ พระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) ได้นำเบียร์มาเปิดตัวครั้งแรก ในงานฉลองรัฐธรรมนูญของสโมสรคณะราษฎร ที่พระยาภิรมย์ภักดีเป็นสมาชิก
หรือแม้แต่ต้นกำเนิดของ “มหาวิทยาลัยศิลปากร” ยังมีจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ มาจากงานฉลองรัฐธรรมนูญเช่นกัน เมื่อ “จอมพล ป.” นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้แวะเวียนเข้าไปชมซุ้มศิลปากร ในงานฉลองรัฐธรรมนูญ ปี 2482 จู่ ๆ เกิดถูกใจฝีมือนักเรียนฝ่ายประติมากรรม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ “ศิลป์ พีระศรี” ทำให้วันรุ่งขึ้น “จอมพล ป.” เดินทางไปดูการสอนที่ “โรงเรียนประณีตศิลปกรรม” ท้ายที่สุดการดูงานครั้งนั้นกลายเป็นต้นกำเนิดของ “มหาวิทยาลัยศิลปากร” ในปัจจุบัน
งานฉลองรัฐธรรมนูญถูกจัดขึ้นเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน นับแต่ 2475-2484
ปิดฉากฉลองรัฐธรรมนูญ
แต่แล้ว..ในเช้าวันที่ 8 ธันวาคม 2484 ก่อนพิธีเปิดงานเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง กองทัพญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกบริเวณอ่าวไทย บีบให้ไทยยอมเป็นพันธมิตร ทำให้งานฉลองรัฐธรรมนูญต้องยกเลิกไป
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อำนาจการเมืองพลิกจากขั้วจอมพล ป. มาอยู่ฝ่าย “ปรีดี” และขบวนการเสรีไทย เวลานั้นจึงเป็นยุคที่ประชาธิปไตยเบ่งบาน ส่งผลให้การจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่ด้วยสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียด ผนวกกับการสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 8 และเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก กลุ่มอำนาจของ “ปรีดี” ก็โดนรัฐประหาร 2490 กวาดพ้นกระดาน
การจัด “งานฉลองรัฐธรรมนูญ” หลังการรัฐประหาร 2490 เป็นต้นมาจึงถูกลดทอนความสำคัญลงทุกปี จากที่เคยจัดยาวนานหลายวัน เหลือเพียง 1 วัน คือวันที่ 10 ธันวาคมเท่านั้น และปิดฉากอย่างถาวรหลัง “จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์” ยึดอำนาจรัฐบาล “จอมพล ป.” ในวันที่ 16 กันยายน 2500 และยกเลิกรัฐธรรมนูญในปี 2501
กำหนดให้วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กระทั่งยุคของ “จอมพล ถนอม กิตติขจร” งานวันรัฐธรรมนูญก็ถูกเพิกเฉยโดยสมบูรณ์
แต่งานฉลองรัฐธรรมนูญจะกลับมาในปี 2566