“บิ๊กป้อม”เยือนสหรัฐ กระชับสัมพันธ์-ย้ำความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และพันธมิตรที่ใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า เมื่อ 23 เม.ย.61 เวลา 1000 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.และรมว.กห.พร้อม ปล.กห.และผู้แทนเหล่าทัพ ได้เดินทางไปกระทำพิธีวางพวงมาลา เพื่อแสดงความรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตจากสงคราม ณ สุสานแห่งชาติ ( Arlington National Cemetery) กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ต่อจากนั้นได้เดินทางไปกระทรวงกลาโหม ( Department of Defense ) เพื่อเยี่ยมคำนับและหารือกับ พล.อ. James Mathis รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและมีมิตรไมตรียิ่ง

โดย พล.อ. James Mathis ได้แสดงความยินดีกับ พล.อ.ประวิตร ที่ได้พบกันอีก หลังจากที่ ได้เดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อ ต.ค. 60 ซึ่งไม่เคยเห็นประชาชนประเทศใด ที่จะเทิดทูนและให้ความเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์เท่ากับประชาชนชาวไทย และขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่เดินทางมาเยือนและร่วมแสดงความรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตจากสงคราม

นอกจากนี้รมว.กห.สหรัฐฯ กล่าวถึง ความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่าง ไทย กับ สหรัฐฯ ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 200 ปี และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศย้อนไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1818 โดยสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เสนอส่งช้างมา สนับสนุนสหรัฐฯ ในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐฯ แม้ว่าประธานาธิบดี Lincoln จะมิได้ตอบรับข้อเสนอดังกล่าว แต่สหรัฐฯ มีความซาบซึ้งใจและเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงมิตรไมตรีที่มีมายาวนานของทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี

พร้อมทั้งกล่าวว่า สหรัฐฯ ตระหนักว่าไทยเป็นศูนย์กลางที่จะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค ในฐานะที่เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด สหรัฐฯ ยึดมั่นที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อคงความมีเสถียรภาพและการเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมกัน ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ที่เปิดกว้างและเสรี (Free and Open Indo – Pacific) ของสหรัฐฯ และได้เน้นย้ำความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทย กับ สหรัฐฯ โดยเฉพาะภายหลังจากที่ทั้งสองประเทศได้ออกแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศระหว่างไทย – สหรัฐฯ ค.ศ. 2012 ( 2012 Joint Vision Statement for Thai – U.S. Defense Alliance ) นอกจากนั้น ยังคาดหวังว่า ความสัมพันธ์อันดีที่ผ่านมากว่า 200 ปี จะนำไปสู่ความสัมพันธ์อันแนบแน่นในอีก 200 ปีข้างหน้าเช่นกัน

ด้านพล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ พล.อ. James Mathis ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งแสดงความยินดีต่อการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 200 ปี แห่งมิตรภาพไทย – สหรัฐฯ ( 200 years of U.S. – Thai Friendship ) ในปีนี้ โดยเมื่อ 20 มี.ค. 61 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการ ฉลองความสัมพันธ์ “Great and Good Friends” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นลึกซึ้งและเป็นมิตรที่ดีต่อกัน

รองนรม.และรมว.กห. กล่าวย้ำว่า สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่สำคัญของไทย และขอให้เชื่อมั่นว่า ไทยจะยังคงเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของสหรัฐฯ อยู่เช่นเดิม ซึ่งความสัมพันธ์ทางทหาร ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เป็นหัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งสองประเทศ รวมทั้งต้องการเห็นการยกระดับความเป็นพันธมิตรระหว่างกันให้ก้าวหน้าและแนบแน่นยิ่งขึ้น เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ และความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ภายใต้แถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมที่กำหนด

นอกจากนั้น ไทยพร้อมสนับสนุนสหรัฐฯ ในการสร้างความตระหนักรู้ทางทะเล ( Maritime Domain Awareness: MDA ) และความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลในกรอบอาเซียน เพื่อความสงบสุขร่วมกันของภูมิภาค และพร้อมสนับสนุนแนวคิดของสหรัฐฯ เรื่องความริเริ่มความร่วมมือด้านการขนส่งทางอากาศในภูมิภาค ( Movement Coordination Center-Pacific: MCC-P ) และแนวคิดในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรด้านการส่งกำลังบำรุง (Regional Logistics Center) พร้อมทั้งคาดหวังการสนับสนุนและเสนอแนะจากสหรัฐฯ เพื่อความสมบูรณ์ในการทำหน้าที่ของไทย ในตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 62


สำหรับความคืบหน้าการจัดทำความตกลง ระหว่าง กห. กับ กห.สหรัฐฯ ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการวิจัยและพัฒนา (Master Information Exchange Agreement: MIEA) คาดว่าจะสามารถลงนามร่วมกันได้ภายใน ก.ย.61 ซึ่งจะเป็นส่วนผลักดันให้เกิดการวิจัยและพัฒนาทางทหารร่วมกันมากขึ้น รวมทั้งเกื้อกูลต่ออุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ตลอดจนแนวนโยบาย Thailand 4.0 และในตอนท้าย รองนรม.และรมว.กห.ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ รมว.กห.สหรัฐ ที่พร้อมให้การสนับสนุนความพยายามของรัฐบาล ในการเดินหน้าจัดการเลือกตั้งสู่การเป็นประเทศประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เพื่อเสถียรภาพที่มั่นคงและยั่งยืนของประเทศไทย