“คำนูณ” เผยกม.ปฏิรูปตำรวจ เน้นถ่ายโอนงานรอง โยนให้ท้องถิ่นทำจราจรแทน

เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฯ เมื่อวันที่ 23 เมษายน มีข้อสรุปพื้นฐานว่า จะเน้นการถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่งานของตำรวจโดยแท้เป็นหลัก เพราะเห็นว่าแก่นแท้ของงานตำรวจคือการรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การนำบุคคลที่กระทำความผิดทางอาญามาสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นงานหลักที่ต้องรักษาไว้ ส่วนงานนอกเหนือไปจากนี้ที่มีลักษณะเป็นงานบริการประชาชน งานทะเบียน งานจัดระเบียบอื่นๆ อาทิ งานจราจร ถือเป็นงานรอง สมควรถ่ายโอนภารกิจให้หน่วยงานอื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมเพื่อให้องค์กรตำรวจกระชับตัวลง และกำลังพลที่มีอยู่สามารถรองรับงานหลักได้เต็มที่ ภายใต้เงื่อนไข 2 ประการ คือ 1.ต้องไม่สร้างความกระทบกระเทือนให้แก่ประชาชน และ 2.ต้องไม่สร้างภาระแก่งบประมาณแผ่นดินมากเกินไป

“การถ่ายโอนภารกิจในความหมายนี้จึงไม่ใช่การถ่ายโอนงานสอบสวนคดีอาญาบางประเภทที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางไปให้หน่วยงานอื่นที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนั้นและปัจจุบันทำงานทางด้านสืบสวนและมีอำนาจจับกุมอยู่แล้วทำแทนทั้งหมด เพราะจะทำให้เกิดหน่วยงานสอบสวนขึ้นใหม่อีกเป็นจำนวนมากอยู่ต่างสังกัดกัน เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก หากทำเช่นนั้นอาจเป็นการสร้างนรกให้กับประชาชนหรือทำให้ประชาชนประสบสภาวะหนีเสือปะจระเข้ เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างสูง” นายคำนูณกล่าว

นายคำนูณกล่าวต่อว่า งานสอบสวนคดีอาญาที่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อาจยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นได้ โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในแต่ละด้านนั้นมาเป็นที่ปรึกษาหรือผู้ช่วยของพนักงานสอบสวน ขณะเดียวกัน การลดจำนวนของความผิดที่มีโทษทางอาญาที่มีอยู่ในกฎหมายฉบับต่างๆ ได้รับการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 77 และบรรจุอยู่ในแผนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายอยู่แล้ว โดยจะมีการยกเลิกโทษทางอาญาสำหรับความผิดที่ไม่ร้ายแรง หรือให้มีการเปลี่ยนโทษปรับทางอาญาเป็นโทษปรับทางปกครองแทน ซึ่งเมื่อกระทำสำเร็จก็จะเป็นการลดภารกิจที่ไม่จำเป็นของตำรวจไปด้วยอีกทางหนึ่ง เมื่อรู้ภารกิจหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพิจารณากำหนดโครงสร้างองค์กร

 

ที่มา : มติชนออนไลน์