“อนุสรณ์” ชี้ “บิ๊กตู่” รับเงินเดือนหลายทาง เป็นรองแค่สิงคโปร์ 

“อนุสรณ์” ถามเงินเดือนของนายกฯ-หัวหน้า คสช.น้อยกว่านายกฯ คนอื่นในอาเซียน จริงหรือ ถามอีก เสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศยินยอมให้เข้ามาทำงานเป็นนายกฯหรือไม่

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุ ได้เงินเดือนน้อยกว่านายกฯ คนอื่นในอาเซียน ไม่รู้จะไปขึ้นค่าแรงกับใคร ว่า ปกติของการจ้างงาน ผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้าง ต้องยินยอมพร้อมใจรับในเงื่อนไขและรายละเอียดการทำงานกันทั้งสองฝ่าย แต่กรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องถามว่า เสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศยินยอมให้เข้ามาทำงานเป็นนายกฯ และหัวหน้า คสช.หรือไม่ เพราะเท่าที่เห็นขนาดพวกที่กวักมือเรียกให้เข้ามายังทะเลาะกันไม่เลิก หาคนรับผิดชอบไม่ได้ กรณีผู้รับจ้างไม่พึงพอใจในค่าตอบแทน แถมทุกข์ใจ ตรอมใจ ในการทำหน้าที่ เขาต้องรีบลาออกไปหางานใหม่ แต่ท่านนอกจากจะไม่รีบออก ยังกลับเตรียมการหาสารพัดวิธีในการอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีความสุขนี้ต่อไปให้ยาวนานที่สุดหรือไม่ แม้แต่วิธีการที่จะถามคนทั้งประเทศว่าต้องการให้ท่านอยู่ในตำแหน่งต่อหรือไม่ ท่านก็ยังไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะนำพาประเทศไปสู่การเลือกตั้งหรือไม่

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ตำแหน่งนายกฯ ไทยได้ค่าตอบแทน 125,590 บาท ตำแหน่งหัวหน้า คสช.ได้อีก 125,590 บาท รวม 2 ทาง ได้ไป 251,180 บาทต่อเดือน 4 ปี รับไป 12 ล้านบาทเศษหรือไม่ ถ้าเป็นตามนี้ รายได้ของท่านถือเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน เป็นรองแค่สิงคโปร์ ซึ่งไม่ใช่เงินเดือนที่ต่ำสุดในอาเซียนหรือไม่ แต่ที่ต่ำสุดอาจเป็นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีไทย ที่โตต่ำสุดในอาเซียน

แม้แต่เวิลด์แบงก์ยังเป็นห่วง แล้วผลการทำงานของท่าน คิดว่าผ่านเกณฑ์การประเมินหรือไม่ มีหน่วยงานใด ตรวจสอบ สามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของท่านได้หรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบผลงานกับผลตอบแทน ถือว่าท่านโชคดีกว่าคนไทยคนอื่นๆ หรือไม่

ผู้ใช้แรงงานไทยทั่วไปได้ค่าตอบแทนวันละ 300 กว่าบาท ในยุคข้าวยากหมากแพง ค่าครองชีพแพง ค่าแรงถูก ลูกก็จะเข้าโรงเรียน ใช้ชีวิตบนความเสี่ยง ต้องพัฒนา ต้องปรับตัว อยู่ให้ได้ในยุคแรงงาน 4.0 ที่เครื่องจักรทันสมัยและหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ แต่ตำแหน่งของท่านที่สวมหมวกถึง 2 ใบ ถือว่ามั่นคงและมีหลักประกันที่ดีกว่าคนอื่นๆ หรือไม่ หากท่านอยากจะไปขอขึ้นค่าแรงควรไปขอกับประชาชนโดยวิธีการเลือกตั้ง เชื่อว่าถึงวันนั้นประชาชจะเป็นผู้ให้คำตอบว่าระหว่างการต่อระยะเวลาทดลองงานกับเลิกจ้าง อย่างไหนควรจะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ที่มา: มติชนออนไลน์