ป.ป.ช.หอบสำนวน 120 แฟ้ม ยื่นศาลฎีกาฯฟ้อง’ทักษิณ’ทุจริตฟื้นทีพีไอ หลังยืดเยื้อเกือบ 8 ปี

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ถนนเเจ้งวัฒนะ นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผอ.สำนักคดี ป.ป.ช. พร้อมเจ้าหน้าที่ หอบสำนวน 21 กล่อง 120 แฟ้ม ในคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนคนใหม่ของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีพีไอ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่นอกเหนืออำนาจกระทรวงการคลัง ซึ่งไม่มีอำนาจเข้าไปบริหารบริษัทเอกชน อันเป็นความผิดตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2546 เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ระบบราชการ จึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ มายื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว โดยศาลได้รับไว้เป็นคดีหมายเลขคดีดำที่ 40/2561

สำหรับคดีนี้ป.ป.ช.มีมติชี้มูลตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2553 โดยมีร.อ.สุชาติ เชาว์ศิษฐ์ อดีตรมว.คลัง ร่วมกระทำผิดด้วย แต่เจ้าตัวถึงแก่กรรมจึงจำหน่ายคดีไป จากนั้นมีการส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อส่งฟ้องแต่อัยการไม่เห็นด้วย ทำให้ต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการและป.ป.ช.แต่ก็ไม่สามารถหาข้อยุติที่ตรงกันได้ ป.ป.ช.จึงตัดสินใจยื่นฟ้องเอง รวมระยะเวลาดำเนินการก่อนส่งศาลฎีกาฯยาวนานเกือบ 8 ปี ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีสุดท้ายของนายทักษิณ ที่ค้างอยู่ในขั้นตอนของ ป.ป.ช.

ซึ่งในศาลฎีกาฯนักการเมืองนั้นยังมีคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง2คดีเเละปปช.เป็นโจทก์2คดี รวมเป็น4 คดี ตามกฎหมายใหม่ที่ให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประกอบด้วย คดีหวยบนดิน คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยูกู้พม่า 4 พันล้านบาท คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้บริษัทในเครือกฤษฎามหานครกว่า 9 พันล้านบาท และคดีแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต

 

ที่มา มติชนออนไลน์