
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือหมอเลี้ยบ เป็นคน “วงใน” พรรคเพื่อไทย
เขามีบทบาทช่วยงานสำคัญ 2 ภารกิจหลัก
หนึ่ง ช่วยขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์
สอง ช่วยขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ซึ่งมี “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นหัวเรือใหญ่ ดังนั้น แม้เขาทำตัวอยู่ไกลวงโคจรอำนาจ แต่จริง ๆ ปฏิบัติงานใกล้ชิดวงใน
เมื่อรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เดินทางมากว่า 8 เดือน มีการปรับคณะรัฐมนตรีแล้วหนึ่งครั้ง เขาวิเคราะห์-วิจารณ์การปรับ ครม. มองทะลุอนาคตของรัฐบาล
ดีเอ็นเอปรับ ครม.ทักษิณ
อย่างไรก็ตาม “นพ.สุรพงษ์” ออกตัวทุกครั้งเมื่อให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลว่า “ผมเป็นเพียงแค่ตัวช่วยขับเคลื่อนเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ให้วิเคราะห์ในฐานะคนที่สังเกตการณ์ทางการเมือง การปรับ ครม.ครั้งนี้มีรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่มีความรู้ความสามารถหลายท่านที่เข้าไปขับเคลื่อน อย่างเช่น จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ามาขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการคลัง”
แม้รัฐบาลเริ่มต้นไปแค่ 8 เดือนเท่านั้น ก็มีการปรับ ครม. และมีรัฐมนตรีเก่าไม่พอใจลาออกไปถึง 2 คน อาจทำให้งานบริหารประเทศสะดุดหรือไม่ นพ.สุรพงษ์มองว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา จะไปห้ามไม่ให้ท่านที่ถูกปรับมีความรู้สึก เพราะในสมัยก่อนไทยรักไทยปรับกันเกือบทุก 6 เดือน เป็นเรื่องปกติ
ไม่ใช่เรื่องปรับออกแล้วจะไม่มีสิทธิกลับมาใหม่ ก็มีสิทธิกลับมาได้อีก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละช่วง ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถในช่วงนี้ต้องการให้ใครเข้ามาช่วย
การปรับ ครม.ในอดีตบางรัฐบาลอาจเป็นเรื่องความเหมาะสมทางการเมือง แต่ดีเอ็นเอของไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย ที่ทำกันมาตลอด โดยดูภาระหน้าที่ของงานต่าง ๆ เป็นปกติ จนกระทั่งทุกคนรู้สึกว่าไม่ได้เป็นความบกพร่องของเรานะที่ถูกปรับออก เพราะก่อนหน้านี้มีการปรับเป็นระยะ ๆ อยู่แล้ว
บริหารประเทศยากกว่าธุรกิจ
ถ้าหากมองดูแง่การบริหารจัดการ ประเทศต้องการการขับเคลื่อนโดยเร็ว เพราะเรามี 2 ทศวรรษที่สูญหาย ประเทศเสียโอกาสไปนานมาก เราต้องทำงานแข่งกับเวลา
ผมเองก็ถูกปรับเปลี่ยน ช่วงแรกที่ทำเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค พอมีการปฏิรูประบบราชการ มีการตั้งกระทรวงไอซีที ขึ้นมา ผมก็ได้รับการปรับเปลี่ยนให้มาดูที่กระทรวงไอซีที ไม่ได้ทำหน้าที่ 30 บาทรักษาทุกโรคต่อ แต่เข้าใจว่าเป็นเรื่องของภารกิจที่ให้เราไปช่วยขับเคลื่อน
ถ้าการปรับสามารถเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องนั้น ๆ อย่างเต็มที่ เอาจริงเอาจัง งานจะเดินต่อได้ดี งานไม่สะดุด
เช่น ท่านพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ ที่นายกฯเศรษฐาควบ รมว.คลัง ย่อมไม่สามารถทุ่มเทงานในส่วนของคลังได้เต็มที่ ดังนั้น การที่มีท่านพิชัยมาเป็นรัฐมนตรีจะสามารถทำให้ขับเคลื่อนงานได้เร็ว หรือเผ่าภูมิเป็นคนที่ผลักดันดิจิทัลวอลเลต ตอนนี้ ได้มีการขับเคลื่อนในฐานะรัฐมนตรี ก็จะทำให้งานออกมาดีขึ้นด้วยซ้ำ
ส่วนการเพิ่มรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ 3 คนครั้งนี้ ผมดูแล้วเป็นท่านหนึ่งดูเรื่องกฎหมาย ท่านหนึ่งดูงบประมาณ ท่านหนึ่งดูการสื่อสาร เป็นหัวใจทั้ง 3 ด้านต้องมีคนรับผิดชอบ ก่อนหน้านี้มีรัฐมนตรี 1 ท่าน ทำให้หลาย ๆ งานไม่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องความเหมาะสม นพ.สุรพงษ์ตอบว่า “ครับ ในแง่ของการบริหารจัดการประเทศ เป็นเรื่องที่ยากมากกว่าการบริหารองค์กรธุรกิจด้วยซ้ำไป เพราะประเทศเป็นองค์กรขนาดใหญ่มากที่จะขับเคลื่อนต่อไปให้ได้”
นโยบายเร่งด่วนสำคัญ
หลังปรับ ครม.มีอะไรที่สำคัญเร่งด่วน “นพ.สุรพงษ์” มองว่า ยังมี 30 บาทรักษาทุกที่ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รถไฟชั้น 3 ติดแอร์ เรื่องยาเสพติด และเรื่องรัฐธรรมนูญ ทั้ง 6 เรื่อง เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด คงใส่เกียร์ 5 ลุยขึ้นไปเต็มที่มากกว่านี้อีก
30 บาทรักษาทุกที่ ได้เริ่มต้นแล้ว 12 จังหวัด และจะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคมนี้อีก 33 จังหวัด หลาย ๆ เรื่องถ้าขับเคลื่อนโดยเร็วจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน
อัพเดตซอฟต์พาวเวอร์
ส่วนงานในหน้าตักเรื่อง “ซอฟต์พาวเวอร์” นพ.สุรพงษ์อัพเดตความคืบหน้าว่า “7-8 เดือนที่ผ่านมา เราอยู่ในขั้นวางระบบทั้งหมดแล้ว เช่น การอัพสกิล รีสกิลคน จะเริ่มในเดือนกรกฎาคมนี้ มีการฝึกอบรมเชฟ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย ซึ่งเรามี 7 หมื่นหมู่บ้าน เราตั้งใจว่าจะอบรมให้ได้ 7 หมื่นคนใน 4 ปี แต่ในปี 2567 จะอบรมในเดือนกันยายนนี้ 1 หมื่นคนก่อน”
เราตั้งเป้าว่า ปี 2579 เชฟอาหารไทย 7 หมื่นคนไปอยู่ภัตตาคารอาหารไทยทั่วโลก และเพิ่มร้านอาหารไทยเป็น 1 แสนร้าน จากตอนนี้ที่มี 2 หมื่นร้าน ดังนั้น ช่วงเดือนมิถุนายนจะมีการรับสมัคร และมีคณะกรรมการคัดเลือกว่าใครมีแววเป็นเชฟอาหารไทย ซึ่งมีการอบรมเต็มรูปแบบ ใช้เวลาการอบรม 1 เดือน ทั้งในแง่ปฏิบัติจริง สอบจริง เป็นโอกาสของคนต่างจังหวัด นอกจากนี้ เดี๋ยวเราจะมีการทำคลิปจากเชฟที่มีชื่อเสียง เพื่อสอนเมนูเด็ดของเขา
“และตอนนี้ทำเรื่อง One Stop Service กองถ่ายภาพยนตร์ คล่องตัวมากขึ้น หรือเรื่องภาษี นายกฯบอกว่าให้ลองดูว่าภาษีตัวไหนเป็นอุปสรรคก็ไปลดภาษีลง”
“ขณะที่เทศกาลผีตาโขน อาจมีการทำให้แตกต่าง เพราะอาจารย์พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ถามว่าจะทำเป็น World Ghost Festival ไหม เทศกาลผีระดับโลก เพราะประเทศไทยมีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับหนังผี ซึ่งเราสามารถคิดต่อได้ หรือแม้แต่มวยไทย จะมีการสอนมวยไทย มียิมฯ ที่เข้าร่วมกว่า 400 แห่ง ใครอยากเป็นนักมวยก็เป็นนักมวยได้”
คิดว่าในปลายปี 2570 สิ่งที่เราคาดการณ์กันไว้คือ ทำให้ 1 คนในครอบครัวสามารถมีรายได้อย่างน้อยปีละ 2 แสนบาท คือ 16,000 ต่อเดือน
ถ้าหากทุกครอบครัวมีรายได้ 2 แสนบาทต่อปี 20 ล้านครอบครัว เท่ากับ 4 ล้านล้านบาท ที่เป็นรายได้จากครอบครัว ยังรวมรายได้อื่นที่มาจากเรื่องเทศกาล ท่องเที่ยว
ตั้งทีวีซอฟต์พาวเวอร์
ส่วนกระแสเรื่องการตั้งทีวีซอฟต์พาวเวอร์นั้น “นพ.สุรพงษ์” ขยายความว่า จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จะผลักดันให้ NBT มีลักษณะเป็น World Class TV สามารถมีโปรแกรมต่าง ๆ ไปสู่ระดับโลกได้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่โทรทัศน์ภาษาไทย แต่มีหลาย ๆ ภาษา นอกเหนือจากข่าวสารรัฐบาลปกติแล้ว จะต้องมีการพูดถึงวัฒนธรรม ทั้งวัฒนธรรมประเพณี วัฒนธรรมสมัยใหม่ และส่งเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรม