ปิยบุตร เตือนสติ สส.ก้าวไกล หากคิดเป็น “งูเห่า” เลือกอดีต หรือ อนาคต

piyabutr

ปิยบุตร เชื่อเป็นเรื่องธรรมดา ก้าวไกลตั้งพรรคสำรองสู้เกมยุบพรรค ถาม สส.เลือกข้างอดีต หรืออยู่กับพรรคเพื่อเป็นอนาคต

วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นยุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 17 กรกฎาคม ว่า
เท่าที่ฟังนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญแถลงข่าว ก็ยืนยันว่าภายในเดือนกันยายนคงต้องตัดสินคดี

ถือเป็นประโยชน์ต่อลูกความทั้งสองฝ่าย ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพรรคก้าวไกล ก็ต้องต่อสู้อย่างเต็มที่ คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคที่ประชาชนเลือกมา 14 ล้านเสียง เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ดังนั้น ประชาชนจับตาทั้งในและต่างประเทศ การที่ศาลเปิดให้ไต่สวนอย่างเต็มที่ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นหลักประกันให้เห็นว่าศาลให้โอกาสทั้งสองฝ่ายสู้คดีอย่างเต็มที่

นายปิยบุตรกล่าวว่า แกนนำของพรรคก็มีประสบการณ์มาตั้งแต่สมัยยุบพรรคอนาคตใหม่ แน่นอนว่าต้องสู้คดีอย่างเต็มที่ในทางกฎหมาย แต่ในทางการเมืองที่ต้องมีการตระเตรียมในอนาคต ก็คงเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าระหว่างนี้พรรคก้าวไกลคงไม่เสียสมาธิ ตั้งอกตั้งใจทำงานในฐานะ สส. ส่วนการตั้งพรรคสำรองนั้น เป็นธรรมดา ประเทศนี้ยุบกันมาไม่รู้กี่พรรคต่อกี่พรรค แต่ละพรรคก็ต้องเตรียมเรื่องพวกนี้ไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพรรคก้าวไกลถูกยุบ สส.จะอยู่กับพรรคหรือไม่ นายปิยบุตรระบุว่า บริบทรอบนี้กับรอบที่แล้วต่างกัน รอบที่แล้วเสียงของฝ่ายค้านและรัฐบาลก้ำกึ่งมาก การดึง สส.มีความสำคัญ แต่รอบนี้เสียงทิ้งห่าง และฝ่ายรัฐบาลคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดึง สส.พรรคก้าวไกลไป

รวมถึงกระแสของพรรคก้าวไกลก็สูงมาก บรรดา สส.ของพรรคต้องคิดให้ดี ว่าถ้าย้ายพรรคแล้วจะทำอย่างไร ต่อให้รู้สึกไม่สบายใจ หรือมีใครมาเสนออะไรให้ก็ตาม แต่การอยู่พรรคก้าวไกลเป็นการอยู่เพื่ออนาคต

“ผมมีโอกาสพูดคุยกับ สส.พรรคก้าวไกล ก็ถามว่าคุณจะเลือกข้างอดีตหรืออนาคต ถ้าคุณเลือกข้างอนาคต” ทิศทางหลังจากนี้ ในการเลือกตั้งปี 2570 ยังมีความหวังอยู่” นายปิยบุตร กล่าว

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่ามีการปล่อยข่าวงูเห่าออกมาตลอด มองว่าคนปล่อยหวังผลอะไร นายปิยบุตรกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเทศกาล เวลาพรรคการเมืองขนาดใหญ่ดูเหมือนจะถูกยุบในไม่ช้า ก็จะมีคนตั้งคำถามว่าจะมีการดึง สส. จึงขอฝากคนที่อยากจะดึงไป “ผมว่าไม่มีประโยชน์ เพราะเสียงคุณขาดลอยไปแล้ว ดึงไปก็ไม่มีประโยชน์ รัฐบาลก็มีเสถียรภาพเข้มแข็งดี”

เมื่อถามว่าหากตั้งพรรคใหม่ นโยบายแก้ไข ม.112 ควรจะนำไปหาเสียงด้วยหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคว่าคิดอ่านอย่างไร แต่ส่วนตัวต้องรอดูว่าความจำเป็นของการแก้ไขยังมีอยู่หรือไม่ พิจารณาเทียบกับแนวความคิดของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะทำอะไรได้บ้าง แต่สุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับพรรคว่าจะมีความเห็นอย่างไร