
คอลัมน์ : ชั้น 5 ประชาชาติ ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ ประชาชาติ
แม้ว่าดินเนอร์แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งมีพรรคพลังประชารัฐเป็นเจ้าภาพ จะเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
แกนนำทุกคนกอดคอ-ร้องเพลง เคล้าเครื่องดื่มสนุกสนาน
หน้าฉากเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่แท้จริงซ่อนดาบไว้ข้างหลัง ทุกพรรคต่างเป็นคู่แข่งกันและกัน
พรรคร่วมรัฐบาลชุดปัจจุบัน ถ้าตัดพรรคแกนนำคือเพื่อไทย ทุกพรรคอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกันตั้งแต่ยุคนายกฯ ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หนึ่งในรัฐมนตรีที่อยู่ร่วมรัฐบาลในยุคนั้น และเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันเคยเล่าว่า รัฐมนตรีใน ครม.ไม่มีใครสนิทกันเลย แม้มีภาพเดินออกจากตึกสันติไมตรีหลังการประชุม ครม. เพื่อเดินขึ้นไปส่งนายกฯ ด้วยกัน แต่จากนั้นต่างคนต่างแยกย้าย
พรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยเป็นมิตร มีแต่ซ่อนดาบไว้ข้างหลัง ยิ่ง “รัฐบาลข้ามขั้ว” ยิ่งนานวันรอยร้าวยิ่งเห็นชัด ล้วนแต่มีจุดตัดอำนาจ
ตัวอย่างที่เห็นชัด เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ในประเด็นเรื่องการถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า “ผมได้กราบเรียนนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่เป็นเรื่องอยู่ที่ ป.ป.ส. ซึ่งมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน และมีรัฐมนตรีหลายท่านอยู่ในคณะ”
“ผมก็ต้องแจ้งให้นายกฯทราบก่อน ว่าผมไม่สามารถให้ความเห็นชอบให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดได้ เพราะยังมีอะไรที่ไม่สมบูรณ์อยู่ กรรมการที่เคยเอากัญชาออกจากยาเสพติด และกรรมการที่ตั้งเรื่องเพื่อที่จะดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดก็เป็นชุดเดียวกัน และกรรมการ ป.ป.ส.ชุดนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นชุดเดียวกันอยู่ ดังนั้น ควรจะมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้นในการตัดสินใจเรื่องสำคัญเช่นนี้ จริง ๆ เรื่องนี้ไม่ควรเริ่ม”
เพื่อไทยกับพลังประชารัฐในโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ซึ่ง สส.พรรคเพื่อไทย ต่างออกโรงค้าน เพราะประชาชนในพื้นที่อันเป็นฐานเสียงของพรรคไม่เห็นด้วย เปิดหน้าโดย “เกรียง กัลป์ตินันท์” รมช.มหาดไทย กล่าวว่า แน่นอนผมอึดอัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นงานของกระทรวงเกษตรฯเขา จะก้าวก่ายไปมากกว่านี้ก็คงไม่เหมาะสม
ยังไม่นับอีกหลายกรณีที่ส่อกลายเป็น “รอยร้าว” เช่น เรื่องราคาพลังงาน เรื่องเงินดิจิทัลวอลเลต ที่ไม่มีเสียงพรรคร่วมมาหนุน ออกแรงเชียร์
ผ่านไปแค่ 1 ปีเท่านั้นเอง