
ดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท เดินหน้าใกล้คลอด ล่าสุด สภาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท “จุลพันธ์” ถกกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นัดแรก เรียก 4 หน่วยงานเศรษฐกิจให้ข้อมูลเศรษฐกิจ มั่นใจพิจารณาร่างกฎหมายใช้เวลาไม่นาน พร้อมโต้ฝ่ายค้านใช้เงินข้ามปีทำได้-ไม่ผิดกฎหมาย ขณะที่ “อนุทิน” แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลออกโรงหนุน ฟากผู้อำนวยการสำนักงบประมาณชี้แจงออก PO ก่อนสิ้น ก.ย. ส่วนเบิกจ่ายเกิดขึ้นหลังจากนั้นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. … 122,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ได้ผ่านชั้นรับหลักการในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร หรือผ่านวาระแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 197 ต่อ 164 เสียง
ขั้นตอนต่อไป ตามปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งกำหนดช่วงเวลาตาม มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 นั้น กำหนดว่า หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติรับหลักการในวันที่ 17 กรกฎาคม จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมดังกล่าว 32 คน จากนั้น เป็นการพิจารณาโดยกรรมาธิการ
โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาใหญ่แบบรายมาตรา วาระที่ 2 และลงมติวาระที่ 3 ในวันที่ 31 กรกฎาคม-1 สิงหาคม จากนั้นวันที่ 6 สิงหาคม ส่งร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวให้วุฒิสภาชุดใหม่ 200 คน พิจารณา และวันที่ 13 สิงหาคม สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าถวาย เพื่อประกาศบังคับใช้
ฝ่ายค้านชี้ใช้จ่ายข้ามปีผิด กม.
อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. … นั้น พรรคฝ่ายค้าน โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายว่า งบฯเพิ่มเติมกลางปีฉบับนี้ ไม่น่าจะทำได้ตามกฎหมาย เพราะตามมาตรา 21 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง บอกไว้ชัดเจนว่างบฯกลางปีต้องใช้จ่ายระหว่างปีงบประมาณ ใช้ข้ามปีไม่ได้ และไม่สามารถรอใช้พร้อมงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ได้
รัฐบาลอาจบอกว่าใช้ข้ามปีได้ แต่มาตรา 43 ของ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ก็ระบุว่าต้องก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปี ซึ่งรัฐบาลน่าจะใช้วิธีการตีความว่าการลงทะเบียนถือว่าเป็นการก่อหนี้ผูกพันแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่
“การก่อหนี้ผูกพันต้องเป็นสัญญาที่ทำทั้งสองฝ่าย การทำฝ่ายเดียวถือว่าเป็นการให้ การลงทะเบียนถือว่าไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทนจึงไม่เกิดหนี้ ถ้าถือว่าการลงทะเบียนเป็นการก่อหนี้แล้ว ในอนาคตจะมีการเอาเยี่ยงอย่าง ใช้งบประมาณประจำปีไม่ทันก็เรียกประชาชนมาลงทะเบียนไว้ก่อนแล้วไปเบิกจ่ายข้ามปี งบประมาณในแต่ละปีจะใช้ไม่หมด จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ผิดที่จะทำให้การบริหารงบประมาณผิดพลาด”
“จุลพันธ์” โต้ทำได้-ไม่ผิด กม.
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า การใช้งบฯปี 2567 ข้ามไปในปี 2568 ไม่ขัดกฎหมาย เพราะเป็นไปตามกลไกปกติ ที่สามารถดำเนินการได้ เพราะในอดีตเคยมีมาก่อนแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมาชี้แจงข้อสงสัย และให้คำตอบกับกรรมาธิการ เพราะเป็นผู้ถือกฎหมาย
ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปี 2567 ในชั้นกรรมาธิการ ภายใต้ระยะเวลาที่กระชั้น กรอบการพิจารณามีอยู่ไม่กี่มาตรา มีเนื้อหาจริง ๆ เป็นเรื่องของรายได้ใหม่ที่เพิ่มขึ้น และรายจ่าย 1.22 แสนล้านบาท ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัลวอลเลต การพิจารณาจึงจะใช้เวลาไม่นาน
ในการประชุมกรรมาธิการครั้งแรก ได้เชิญ 4 หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาให้ข้อมูล เพื่อดูภาวะการเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงผลกระทบต่าง ๆ จากนั้นจะประชุมอีกครั้งวันที่ 23 ก.ค. โดยจะพิจารณารายมาตรา
“คาดว่าจะใช้เวลามาตรา 4 มากที่สุด เพราะเกี่ยวข้องกับรายจ่ายในโครงการดิจิทัลวอลเลต แต่คงใช้เวลาไม่เกิน 2 วัน ในวันที่ 24 ก.ค. คงจบได้ ส่วนวันที่ 25 ก.ค. จะเชิญผู้แปรญัตติเข้ามาชี้แจง จากนั้นจะส่งให้สภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว เพื่อบรรจุเป็นวาระการประชุม วาระ 2 และ 3 เพื่อให้ทันพิจารณาในวันที่ 31 ก.ค.”
พรรคร่วมฯมั่นใจทำได้
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เท่าที่ได้รับฟังการชี้แจงทั้งในคณะกรรมการดิจิทัล ที่ประชุม ครม. คณะกรรมการกฤษฎีกาและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยืนยันว่า การใช้งบฯเพิ่มเติมถูกกฎหมาย โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นกฎหมายผ่านสภาโดยเสียงข้างมาก ถือเป็นความรับผิดชอบต่อกัน เมื่อเป็นรัฐบาลผสมต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน ถ้าขัดกันไปขัดกันมาเป็นรัฐบาลไม่ได้
ส่วนพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนโครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเลตหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า ดูจากเสียงโหวตในสภา เสียงสนับสนุน 297 เสียงผ่านฉลุย มีพรรคภูมิใจไทยแน่นอน เป็นคำตอบอยู่แล้ว
“นโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราต้องร่วมกันสนับสนุน หลักการต้องสนับสนุนนโยบายซึ่งกันและกัน”
แจงทำ PO ก่อนสิ้น ก.ย.ได้
นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า งบฯเพิ่มเติม หรืองบฯกลางปีที่จัดทำขึ้น เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเลต ต้องใช้จ่ายภายในไม่เกินเดือน ก.ย. 2567 ซึ่งตามแผนการใช้จ่ายก็จะเกิดขึ้นภายในปีงบประมาณ 2567 อย่างแน่นอน ส่วนการเบิกจ่ายสามารถทำได้ แม้จะพ้นจากเดือน ก.ย. 2567 ไปแล้ว
“งบฯเพิ่มเติม จะมีการใช้จ่ายโดยออก PO (ใบสั่งซื้อ) ภายในเดือน ก.ย. ส่วนการเบิกจ่ายสามารถทำได้หลังจากนั้น ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการดำเนินการลักษณะนี้อยู่แล้วเป็นปกติ”
ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวอีกว่า นอกจากงบฯเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาทแล้ว ยังจะมีการบริหารจัดการทางการคลังและการงบประมาณ เพื่อให้มีเงินมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเลตด้วย ซึ่งจะดำเนินการตามกฎหมายวิธีการงบประมาณต่อไป