
“อนุทิน” ชี้ขายพาสปอร์ตไม่ว่าประเทศใดก็ผิด มองเป็นการย่ำยี ลั่นต้องจัดการไล่คนผิดพ้นประเทศ ยันไม่เป็นไฟไหม้ฟาง ”รมว.การท่องเที่ยวฯ“ เผยสั่งตำรวจท่องเที่ยวเร่งออกมาตรการป้องกันทุนสีเทา
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีการปิดประกาศโฆษณาขายพาสปอร์ตและรับทำสัญชาติบางประเทศ บริเวณสี่แยกห้วยขวาง ว่าตนสั่งกรมการปกครองให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานให้ดำเนินการติดตาม ไม่ใช่เฉพาะเพียงเรื่องป้ายดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนมองว่าการจะมาบอกว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่การประกาศขายพาสปอร์ต ซึ่งไม่ว่าประเทศอะไรก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น โดยหลังจากนี้จะมีการขยายผลว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจสีเทาหรือไม่ หรือเข้าข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการทำผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เราจะต้องเร่งปราบปราม โดยใช้ความเป็นเจ้าพนักงาน และไม่ต้องมาบอกว่าคนละหน่วยงานกัน
ทั้งนี้ นายอนุทินมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการทำเกินไป ฉะนั้นจึงดำเนินการสั่งปลดป้ายทันที โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น เพราะตนพอทราบข่าวก็สั่งอธิบดีกรมการปกครองให้ไปดำเนินการทันที แต่ถึงอย่างไรทางเจ้าของป้ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะเมื่อทราบเรื่องก็ดำเนินการปลดป้าย ส่วนเจ้าของป้ายไม่รู้เรื่องใช่หรือไม่ตนไม่ทราบ
ส่วนกรอบเวลาการหาตัวผู้กระทำความผิด นายอนุทินระบุว่า ขณะนี้ตนสั่งการกรมการปกครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวจะกลายเป็นไฟไหม้ฟาง พอกระแสหายเรื่องก็จะเงียบใช่หรือไม่ นายอนุทินระบุว่ามันอยู่ที่ว่าเราเข้มงวดกวดขันแค่ไหน ซึ่งขณะนี้การกวดขันผับบาร์ต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง รวมถึงการกวดขันปราบปรามยาเสพติด พร้อมยืนยันว่าไม่ต้องมีการกำชับไปยังผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด เพราะกระทรวงมหาดไทยมีหลายกลุ่ม หากใครกระทำผิดกฎหมาย ผู้บริหารทุกฝ่ายก็จะรายงานในไลน์กลุ่มและทุกคนก็จะรับทราบ และสามารถดำเนินการได้ทันที
“เราไม่ได้รังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย แต่เรารังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาแล้วทำผิดกฎหมายในประเทศเรา สำหรับผมมองว่าเป็นการย่ำยี ฉะนั้น ก็ไปจัดการคนผิดและไล่มันออกไปจากประเทศนี้เท่านั้นเอง ส่วนคนที่เป็นนักธุรกิจทำถูกต้องเราก็อำนวยความสะดวกให้เขาได้มั่นใจว่าประเทศไทยเรานั้นปลอดภัย และขยายตัวทางเศรษฐกิจได้” นายอนุทินกล่าว
ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่าเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ตลอดจนการเดินทางกลับ
ส่วนกรณีที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ซึ่งรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ นายเสริมศักดิ์ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาแล้วฉกฉวยโอกาสจากวีซ่าฟรีเข้ามาท่องเที่ยวแล้วเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งตนได้พูดคุยกับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อให้มีมาตรการป้องกันอย่างดีที่สุด
เมื่อถามว่า ได้รับรายงานหรือไม่ที่ผู้มาติดป้ายดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทาหรือไม่ นายเสริมศักดิ์กล่าวว่าได้รับรายงานเข้ามา ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบ และตนจะร่วมมือกับตำรวจในการเร่งอำนวยการในการจับกุมต่อไป