
หมอเปรมชูจุดเด่น อั้นฉี่ได้ แก้ภาพลักษณ์สภารีโมต ด้านนันทนาชู 5 ส. นำความเปลี่ยนแปลง มงคลใช้สภาประนอมอำนาจดับวิกฤตการเมือง
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ในการประชุมวุฒิสภา (สว.) มีการประชุมนัดแรก โดยมี พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ซึ่งเป็น สว.ที่มีอายุมากที่สุด 78 ปี ได้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมชั่วคราว ทั้งนี้ มีวาระสำคัญที่ต้องให้สมาชิกวุฒิสภากล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ ตามมาตรา 115 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมีการเลือกตำแหน่งประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2
ทั้งนี้ ในการประชุมวุฒิสภา ในวาระเลือกประธาน โดยประธานวุฒิสภาตามข้อบังคับการประชุมข้อ 6 โดยผู้ที่เสนอชื่อต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน ทั้งนี้ ในการเลือกประธานวุฒิสภา มีผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ 3 คนคือ นายมงคล สุระสัจจะ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส และ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ทั้งนี้ คนที่เสนอชื่อนายมงคลคือ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ จากนั้นให้ผู้เสนอตัวนั่งประธานวุฒิสภา ต้องแสดงวิสัยทัศน์คนละ 5 นาที
นพ.เปรมศักดิ์แสดงวิสัยทัศน์ว่า การที่เกิดเสียงวิจารณ์ฐานที่มาอาชีพของ สว.ไม่ตรงปก วิจารณ์ว่าสีนั้น สีนี้ ไม่เป็นผลดีต่อสมาชิก 200 คน ตนจึงอาสาเข้ามาทำงานแก้ไขภาพลักษณ์ในด้านลบ เพราะ สว.ถือเป็นสภาสูง ทรงเกียรติ และประชาชนคาดหวัง การกลัดกระดุมเม็ดแรกของ สว.ต้องเป็นอิสระ เป็นกลาง ไม่ถูกครอบงำจากพรรคฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน

หลายคนวิจารณ์ที่มา คิดว่าที่มาห้ามยาก เพราะเรามากันแล้ว แต่ที่เราพูดได้เราจะเป็นอย่างไรใน 5 ปีต่อจากนี้ ถ้าเราเลือกที่จะเป็นกลาง เป็นอิสระ เราก็ได้รับการชื่นชมจากประชาชน แต่ถ้าเราเลือกอีกด้านหนึ่งก็จะถูกตราหน้าว่าสภาใบสั่ง สภารีโมต สภาหวยล็อก สภาบล็อกโหวต เพราะหน้าที่ของ สว.ต้องกลั่นกรองกฎหมายจากสภาผู้แทนราษฎร
การเห็นชอบองค์กรอิสระอย่าให้มีใบสั่งว่ามาจากบ้านนั้นบ้านนี้ มาจากผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นคนนี้ ถ้าอย่างนั้นการเห็นชอบองค์กรอิสระจะไร้ความหมาย และเกิดปัญหาการตอบรับจากประชาชนในอดีต
“การควบคุมบริหารราชการแผ่นดิน การตั้งกระทู้สดเป็นอาวุธสำคัญของ สว. นายกฯ หรือรัฐมนตรีต้องมาตอบกระทู้สดด้วยตัวเอง เราต้องยืนยันศักดิ์ศรีวุฒิสภา ไม่ว่ากระทู้ถาม ญัตติด่วน หรือในกรรมาธิการต่าง ๆ ต้องต้องศักดิ์สิทธิ์ เพื่อควบคุมรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ และประธานวุฒิสภาต้องมีสุขภาพที่ดี อั้นปัสสาวะได้ ไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำ” นพ.เปรมศักดิ์กล่าว
น.ส.นันทนาแสดงวิสัยทัศน์ว่า ที่ผ่านมาวุฒิสภาห่างเหินกับประชาชน ไม่ยึดโยงประชาชน ภาพลักษณ์เหล่านี้บั่นทอนศรัทธามหาชน เป็นโจทย์สำคัญที่จะฟื้นฟูภาพลักษณ์ สว.ยุคใหม่อย่างไร ประชาชนทั้งประเทศจะรู้สึกเป็นเจ้าของ สว.ก็ต่อเมื่อเราทำให้ สว.เป็น สว.ของประชาชน

แม้ที่มา สว.ทั้งสภาไม่อาจกล่าวได้ว่ามาจากการเลือกของประชาชน แต่เรายึดโยงกับประชาชนได้โดย 5 ส. สัมพันธ์ วุฒิสภาต้องยึดโยงกับประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม เปิดพื้นที่สภาให้คนเข้าถึงได้ ประชาชนสามารถเดินเข้ามาฟังการประชุมได้ทุกวันที่มีการประชุม เราจะเป็นวุฒิสภาเชิงรุกเข้าหาประชาชน เปิด สว.ฟังเสียงประชาชนทั่วประเทศ
สื่อสาร จะถ่ายทอดสดการประชุม สว. และถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการทุกคณะ สว.รู้อะไรประชาชนรู้อย่างนั้น สร้างสรรค์ จะทำงานอย่างสร้างสรรค์ โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยใช้เวทีของสภาถกเถียงประเด็นที่เป็นปัญหาของสังคม
“สภาแห่งนี้ต้องเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง ที่มีอำนาจเรียกเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกระดับ ตั้งแต่หัวหน้ารัฐบาลมาตอบกระทู้ถามในการแก้ปัญหาสำคัญ ๆ โดยให้ความเคารพต่อสถาบันโดยไม่บ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงอย่างที่ผ่านมา” น.ส.นันทนากล่าว
น.ส.นันทนากล่าวว่า สมดุล สว.ยุคใหม่ต้องสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นในสังคม จะเปิดกว้างให้กับทุกศาสนา เปิดพื้นที่ให้ความหลากหลายทางเพศ จะเปิดรับทุกเชื้อชาติโดยไม่กีดกันแบ่งแยก จะต้อนรับคนทุกวัย สภาคือพื้นที่แห่งความเท่าเทียมกัน เคารพสิทธิมนุษยชน โอบรับบุคลากรเข้ามาทำงานและทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมกับสภา
และ ส.สุดท้ายคือ สากล สว.ชุดใหม่ต้องเป็นที่ยอมรับกับนานาอารยประเทศ มีกฎระเบียบ ข้อบังคับที่ทันสมัย เป็นแบบอย่างอาเซียน ให้ประเทศไทยยืนอย่างสง่างามบนเวทีโลก
“เวลาที่ประชาชนจะให้โอกาส สว.ฟื้นฟูภาพลักษณ์เหลือน้อยเต็มที่ การตัดสินใจของ สว.จะเป็นการชี้ชะตาอนาคตของ สว.ท่านเลือกได้ว่าจะเป็นตำนานในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในฐานะผู้ผลักดันการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย 5 ปี ของ สว.ยุคใหม่จะไม่สูญเปล่า แต่จะเป็นสภาแห่งความหวัง สภาแห่งความศรัทธา ขออาสาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในบทบาทประธานวุฒิสภา และทำให้สภายุคใหม่เป็นเสาหลักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” น.ส.นันทนากล่าว
ด้านนายมงคลแสดงวิสัยทัศน์ว่า นับตั้งแต่บรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ปลัดอำเภอ สำนึกว่าแผ่นดินนี้ให้โอกาสมากมายเหลือเกิน จึงตั้งใจอุทิศชีวิต ปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดิน รับใช้ประชาชน รักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยึดมั่นมาตลอดจนถึงปัจจุบันและจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าชีวิตจะหาไม่

การตัดสินใจก่อนสมัครเป็น สว.คือความหวังที่ใช้เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน รับใช้ประชาชน แก้ไขปัญหาของคนในชาติ ในช่วงเวลาที่กล่าวได้ว่าวิกฤตที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย นับแต่วันนี้ตั้งใจทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตนวางไว้
“เชื่อว่าทุกท่านตั้งใจไม่ต่างจากผม คือการปฏิบัติหน้าที่ด้านนิติบัญญัติในฐานะ สว. ต้องการให้ประเทศไทยและคุณภาพชีวิตของคนไทยไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และดีขึ้นในทุก ๆ มิติ ซึ่งการทำงานของ สว.โดยมีประชาชนเป็นเป้าหมายอย่างตรงไปตรงมาจะนำไปสู่สิ่งนั้นได้ อยากเห็นสังคมไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะเริ่มต้นจากการเป็นหนึ่งเดียวของ สว.แห่งนี้ วุฒิสภาเป็นองค์กร รวมถึงมีรัฐธรรมนูญ สอดคล้องสังคมไทยอย่างแท้จริง ในฐานะวุฒิสภา” นายมงคลกล่าว
นายมงคลกล่าวว่า สว.เป็นองค์กรสำคัญที่จะพาสังคมไทยเดินหน้าได้โดยสันติวิธี รวมถึงการมีรัฐธรรมนูญที่เหมาะสม สอดคล้องกับสังคมไทยและคนไทยอย่างแท้จริง เป็นภารกิจของ สว. วิกฤตที่เกิดขึ้นในทางการเมือง เศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่ได้เกิดแต่ประเทศไทย ประเทศอื่นก็เป็น ดังนั้น จะหวังให้ใครมาช่วยเราไม่ได้ เราคนไทยต้องช่วยกัน
“ชีวิตผมมาจากก้อนดินก้อนทราย เป็นนักเรียนอาชีวะ เข้าใจความยากจนข้นแค้น ความเป็นคนไม่มีเส้น ไม่มีสาย เติบโตมาในระบบราชการด้วยการทำงานอย่างหนัก เต็มความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการประสานงานกับประชาชน คลุกคลีกับพี่น้องประชาชนในชนบทมาตลอดชีวิต แม้เกษียณอายุราชการ ผมยังทำไร่ในชนบท ผมเข้าใจความรู้สึก เข้าใจปัญหา ผมมีประสบการณ์อันยาวนาน มีเพื่อนอยู่ทุกหมู่เหล่า ผมเชื่อว่าเข้าใจ และทำงานร่วมกับทุกคนได้” นายมงคลกล่าว
นายมงคลสรุปว่า สว.ปัจจุบันใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ แต่เป็นครั้งแรกที่รัฐธรรมนูญทำให้สภาเป็นของคนทุกหมู่เหล่า แบ่งเป็น 20 กลุ่มอาชีพ เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาทำงานแทนกลุ่มอาชีพของตัวเอง ทำเพื่อประชาชน หากผมได้รับเลือกเป็น สว.จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มสติปัญญา เต็มความสามารถ จะขอเชิญทุกคนมาช่วยงานกัน เพื่อให้ สว.แห่งนี้บรรลุผลเป็นสภาของสามัญชน เป็นสภาที่ประนอมอำนาจดับวิกฤตของสังคมไทย