ไม่พลิก พล.อ.เกรียงไกร เพื่อน อนุทิน นั่งรองประธานวุฒิฯ คนที่ 1

พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์
พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์

พล.อ.เกรียงไกร อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ.เพื่อน วปอ.61 ของ “อนุทิน” นั่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 คะแนนทิ้งขาด 150 แต้ม แต่ขานคะแนนพลาด 1 เสียง ต้องนับใหม่อีกรอบ 

วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ในการประชุมวุฒิสภา (สว.) มีการประชุมนัดแรก โดยมีพล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ซึ่งเป็น สว.ที่มีอายุมากที่สุด 78 ปี ได้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมชั่วคราว ในวาระเลือกรองประธานวุฒิสภา คนที่1 โดยนายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. กลุ่ม 2 กฎหมายและยุติธรรม เสนอชื่อ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ สว. กลุ่ม 1 บริหารราชการแผ่นดิน

นายสหพันธ์ รุ่งโจนพณิชย์ สว.กลุ่ม 10 กลุ่มประกอบกิจการอื่น เสนอ ชื่อนายนพดล อินนา สว.กลุ่ม8 สิ่งแวดล้อม

น.ส.นิชาภา สวรรณภาค สว.กลุ่ม5 อาชีพทำนา เสนอชื่อ นายปฏิมา จิระแพทย์ สว.กลุ่ม8 สิ่งแวดล้อม

น.ส.มณีรัตน์ เขมะวงศ์ สว.กลุ่ม 9 ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เสนอชื่อนายแล ดิลกวิทยรัตน์ สว.กลุ่ม 7 พนักงานหรือลูกจ้างของบุคคล ทำให้มีผู้ชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทั้งหมด 4 คน

บิ๊กเกรียง ประกาศ 6 ประการ

พล.อ.เกรียงไกร แสดงวิสัยทัศน์ ว่า หากตนได้รับความไว้วางใจเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ตนจะดำเนินการดังต่อไปนี้ ประการแรกตนจะยึดมั่นในความจงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และธรรมรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระหากษัตริย์เป็นประมุข เทิดทูนและปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ADVERTISMENT

ประการที่สองตนขอให้ความเชื่อมั่นต่อเพื่อสมาชิกที่จะดำเนินงานทางการเมือง และองค์กรอิสระทั้งหลายด้วยความเที่ยงธรรม เป็นอิสระ เป็นกลาง สามารถเป็นที่พึ่งพาของพี่น้องประชาชนได้ สภาแห่งนี้จะเป็นหลักในการดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง

ประการที่สาม ความเชื่อมั่นต่อสมาชิกที่จะต้องทำหน้าที่ในสภาแห่งนี้รวมกัน เรามาจากหลากหลายกลุ่มอาชีพ ตนจะยึดมั่นในเกียรติของสมาชิก รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกทุกคนในการดำเนินงานกิจการที่เกี่ยวข้องกับวุฒิสภาอย่างเท่าเทียมกัน เคารพเสียงส่วนใหญ่ แต่รับฟังไม่เพิกเฉยต่อเสียงส่วนน้อยที่เห็นต่าง

ADVERTISMENT

ประการที่สี่ ขอยืนยันว่าจะดำเนินงานทุกอย่างเพื่อให้วุฒิสภา เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่น ศรัทธาของพี่น้องประชาชน ประการที่ห้า ตนให้ความสำคัญต่อกระบวนการการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน ในการเข้ามาทำงานร่วมกับเรา หรือรับฟังความเห็นจากพี่น้องประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อนำมาประกอบการตกลงใจของวุฒิสภา และประการที่หก ตนขอสัญญาว่า จะกระทำในสิ่งที่ดีงามเพื่อให้วุฒิสภา เป็นสภาอันทรงเกียรติ ที่มีเพื่อสมาชิกร่วมกันจรรโลงความดีงาม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน

นพดล ยันทำหน้าที่เป็นกลาง

จากนั้นนายนพดล อินนา สว. แสดงวิสัยทัศน์ว่า หากตนได้ทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ตนจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ปฏิบัติหน้าที่เอนเอียงไปตามกระแสสังคมหรือแรงกดดันทางด้านการเมือง ตนอยากเห็นการขับเคลื่อนการประชุมวุฒิสภาที่มีบรรยากาศการประชุมที่ดีโดยเปิดโอกาสให้สมาชิกใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์มาใช้ในที่ประชุมแห่งนี้ ซึ่งตนเชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนสมาชิกได้ และทำให้วุฒิสภาเป็นสภาที่มีความสุข สามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติได้

การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ตนเชื่อเสมอมาว่าคนทุกอาชีพไม่ว่าการศึกษาระดับไหนล้วนมีความสำคัญเท่ากัน ประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้หากไม่มีบุคลากรหลากหลายอาชีพที่จะมาช่วยกันผลักดัน วุฒิสภาก็เช่นกัน ความหลากหลายในวิชาชีพจะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนให้สภาแห่งนี้เดินหน้าต่อไปได้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน

ตนอยากเห็นวุฒิสภาทำงานในเชิงรุกคือการเดินหน้าเข้าไปหาประชาชนแทนที่จะให้ประชาชนเข้ามาหาเรา อยากเห็นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ต่างๆ ที่แทนที่จะประชุมในสภาแห่งนี้ น่าจะมีกมธ.สัญจรไปในจังหวัดต่างๆ เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนโดยตรง เพราะจะเป็นการสื่อสารระหว่างวุฒิสภาและประชาชนโดยตรง ซึ่งจะเกิดประโยชน์และทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ตรงจุดมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการเผยแพร่ประชาธิปไตยต่อเยาวชนไทยทุกเพศทุกวัย ที่อยากให้มีการเพิ่มสื่อบางแพลตฟอร์มเข้าไปเพื่อให้เข้าถึงประชาชนและเยาวชนซึ่งต้องเป็นแพลตฟอร์มที่ประชาชนและเยาวชนให้ความสนใจ รวมถึงอยากเพิ่มเติมให้มีการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กันระหว่างวุฒิสภาไทยกับต่างประเทศมากขึ้น

“ผมมั่นใจว่าประสบการณ์ที่ผมสะสมมา 40 ปีนั้นจะสามารถทำหน้าที่ขับเคลื่อนวุฒิสภาไปพร้อมกับสมาชิกทุกคนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อวุฒิสภาเอง รวมถึงเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนได้เป็นอย่างดี เพราะความสำเร็จในการทำงานของวุฒิสภาแห่งนี้ ไม่ได้อยู่ที่รองประธานหรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากสมาชิกทุกคน ผมพร้อมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับสมาชิกทุกคน” นายนพดล กล่าว

ร่วมมือช่วยประชาชน

นายปฏิมา จีระแพทย์ สว. แสดงวิสัยทัศน์ว่า มีคนผู้ใหญ่ที่ตนเคารพได้เรียกสว.ขุดเราว่า เป็นสว.ชุดภูมิปัญญาไทย เพราะเรารับเลือกมาจากผู้ที่สมัครมาเลือกเรา โดยที่ไม่มีกติกาใดมีในโลกประก่อน ตนจึงคิดว่าถ้าประชาชนจะเรียกเราว่าสว.ชุดที่ 13 ชุดภูมิปัญญาไทยก็ดูเหมาะสม ตนอยากให้ สว.ทุกท่านทำงานอย่างเต็มที่รับใช้ประชาชน และเสริมสร้างสังคมไทยให้มีความรักสามัคคี

เราเป็นสว.ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสังคมไทย และสว.ก็เปรียบเสมือนอวัยวะของร่างกาย ซึ่งร่างกายมีหลายส่วนและทำงานต่างกัน ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องเลือกมาร่วมมือกันทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ โดยมุ่งช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่

วันนี้ประเทศไทยอยู่ในขั้นโคม่า ตามตัวเลขประเทศไทยมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ประชาชนรอคอยการเมืองที่ตกผลึก และช่วยแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนทั่วไป วันนี้มีปัญหาในการค้าขาย ผู้ส่งออกก็มีปัญหาที่จะส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ มีการทุจริตในภาคตลาดทุน ทำให้สถาบันการเงินจะต้องตั้งสำรองหนี้เป็นจำนวนมาก

ตนคิดว่าหากการเมืองไม่นิ่งเราจะเชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนนั้นเขาคงไม่มา และคงจะเลือกไปประเทศที่การเมืองนิ่งและเศรษฐกิจเติบโต ตนขอเสนอว่าวันนี้เป็นวันแรกของการที่เราได้ทำงานร่วมกันเราไม่ควรให้เกิดความขัดแย้งกันในวุฒิสภา แต่ควรสร้างเอกภาพในการบริหารบ้านเมือง รัฐบาลทำอะไรดีเราก็ควรสนับสนุนเขา แต่หากรัฐบาลหลงทางควรตักเตือนเขา เราต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ และหลอมรวมทุกกลุ่ม

ขณะที่นายแล ดิลกวิทยรัตน์ สว. แสดงวิสัยทัศน์ ว่า วุฒิสภาเป็นสถาบันหนึ่งในกระบวนการเมืองขอระบอบประชาธิปไตย ที่ย่อมต้องเน้นเสรีภาพของความหลากหลาย ความเท่าเทียม พร้อมทั้งความเป็นสากล การทำงานของวุฒิสภาจึงย่อมจะต้องรักษาหลักการให้เป็นไปตามทั้งในระบบความเป็นผู้นำและการปฏิบัติของสมาชิก ตนอยากเห็นผู้นำในรัฐสภารักษาองค์ประกอบความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพศกำเนิด หรือเพศสภาพ สูงวัยหรืออ่อนวัย

ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนาหรือชาติพันธุ์ เพื่อธรรมรงค์ความเป็นสากล ของระบอบประชาธิปไตยไว้ นอกเหนือจากความหลากหลายในระดับผู้นำองค์กรแล้วเพื่อให้สภาแห่งนี้ได้สะท้อนมุมมองความหลากหลายรอบด้านและครบถ้วนในการช่วยกลั่นกรองกฎหมายให้กับสภาผู้แทนราษฎร

ตนอยากเห็นทุกสรรพเสียง ทุกมุมมองของสมาชิกไม่ว่าจะมาจากกลุ่มใหญ่ กลุ่มเล็ก และไร้กลุ่ม ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกันในการแสดงออกและทำความเห็นให้ปรากฏแก่สาธารณะ ซึ่งหมายรวมคนตัวเล็กที่ไร้เสียง แต่มีจำนวนไม่น้อยเช่นปัญหาแรงงาน ชาวไร่ ชาวนา ชาวประมง และผู้ด้อยโอกาสได้รับน้ำหนักความสำคัญไม่น้อยกว่าปัญหาอื่นในการพิจารณาของวุฒิสภา

“ผมขอยืนยันกับทุกท่านว่า ไม่ว่าผมจะได้รับการเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่งหรือไม่ก็ตาม สิ่งนั้นจะไม่ทำให้ความมุ่งมั่นที่จะหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งกับท่านทั้งหลายในการปฏิบัติงานให้สภาแห่งนี้ประสบความสำเร็จสมดังปณิธานเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย”นายแล กล่าว

จากนั้นเป็นการลงคะแนนลับด้วยการเข้าคูเขียนชื่อบุคคลที่จะเลือก โดยขานชื่อเรียงตามตัวอักษร โดยผลการลงคะแนน

พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ได้ 150 คะแนน นายนพดล อินนา ได้ 27 คะแนน นายปฏิมา จิระแพทย์ ได้ 5 คะแนนและ นายแล ดิลกวิทยรัตน์ ได้ 16 คะแนน งดออกเสียง 0 บัตรเสีย 2

อย่างไรก็ตาม ในการขานคะแนนช่วงท้าย ปรากฏว่า มีการขานคะแนนเพิ่มขึ้นมาเป็นบัตรงดออกเสียง 1 ทำให้ผลรวมกลายเป็นบัตรนับคะแนนเพิ่มขึ้น 1 ใบ โดยที่ประชุมต่างมีความเห็นให้นับคะแนนและขานใหม่ และมี สว.บางราย ให้กรรมการนับใหม่เป็นการภายใน เนื่องจากการหายไป 1 คะแนน ไม่กระทบกับคะแนนของผู้ชนะ อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ยุทธนา ในฐานะประธานที่ประชุมได้ขอให้มีการนับคะแนนใหม่

ผลปรากฏว่า การนับคะแนนใหม่ พล.อ.เกรียงไกร ได้คะแนนเท่าเดิม 150 คะแนน นายนพดล อินนา ได้ 27 คะแนน นายปฏิมา จิระแพทย์ ได้ 5 คะแนนและ นายแล ดิลกวิทยรัตน์ ได้ 15 คะแนน งดออกเสียง 1 บัตรเสีย 2