บุญส่ง นั่งเก้าอี้รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ตามโผ ได้ 167 คะแนน 

บุญส่ง

บุญส่ง น้อยโสภณ คว้าเก้าอี้รองประธานวุฒิฯ คนที่ 2 ได้ 167 คะแนน มากกว่า มงคล ประธานวุฒิฯ

วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ที่ประชุมวุฒิสภา เข้าสู่กระบวนการเลือกรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 โดยนายมงคล สุระสัจจะ สว. จากกลุ่ม 1 บริหารราชการแผ่นดิน เสนอนายบุญส่ง น้อยโสภณ สว. จากกลุ่ม 2 กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม น.ส.นิชาภา สุวรรณนาค สว.กลุ่ม 5 อาชีพทำนา เสนอนายปฏิมา จีระแพทย์ สว. กลุ่ม 8 อาชีพด้านสิ่งแวดล้อม น.ส.ตวงคุณ ทรงธรรมวัฒน์ สว.จากกลุ่ม 12 อุตสาหกรรม เสนอนายพงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต สว.จากกลุ่ม 12 อุตสาหกรรม และนายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ สว.จากกลุ่ม 19 อาชีพอิสระ เสนอนางอังคณา นีละไพจิตร สว.จากกลุ่ม 17 ประชาสังคม กลุ่มองค์กรสาธารณประโยชน์

โดยนายบุญส่งแสดงวิสัยทัศน์ว่า ความจริงวิสัยทัศน์เป็นส่วนหนึ่ง แต่ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงานสำคัญกว่า สำหรับตนรับราชการมาตั้งแต่อายุ 17 ปี ตอนนี้อายุ 75 ปี มาสมัครเป็น สว.คิดว่าจะรับใช้ชาติบ้านเมืองในช่วงท้ายของชีวิต ประวัติการทำงานของตนเริ่มจากการเป็นทหารอากาศ โอนมาอยู่อัยการได้ 6 เดือน แล้วโอนไปเป็นผู้พิพากษาได้ 36 ปี ผ่านการทำหน้าที่ตุลาการ และที่ปรึกษา และทำหน้าที่บริหารองค์กรค่อนข้างยาว การเป็นผู้พิพากษา 36 ปี เป็นผู้บริหารเกือบครึ่ง ทั้งเป็นผู้พิกษาหัวหน้าศาล ซึ่งเป็นศาลยุติธรรมระดับจังหวัด 4 ปี เป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาภาค อธิบดีผู้พิพากษาภาค รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 11 ปี

นายบุญส่งกล่าวต่อว่า จากนั้นมาเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อพ้นจากตำแหน่งก็ได้รับการแต่งตั้งจาก กกต.ชุดปัจจุบันให้เป็นประธานที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. เป็นเวลา 6 ปี และเคยเป็นที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งตนเรียนตั้งแต่ต้นแล้วว่าประวัติการทำงานของแต่ละคนเป็นส่วนสำคัญ แต่วิสัยทัศน์มันแต่งได้ ทำได้หรือเปล่าไม่ทราบ

“ประวัติการทำงานของผมที่ผ่านมา เชื่อว่าความรู้ด้านกฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ สามารถเข้าใจได้ดี ทำหน้าที่ได้ดีเพื่อนำวุฒิสภาให้ได้รับความศรัทธา เชื่อมั่นจากประชาชน สิ่งสำคัญที่สุดของ สว.คือกรรมาธิการของวุฒิสภา ขอให้ตั้งคนดีมีความรู้ ความสามารถกับคณะที่อยู่ นอกจากการพิจารณากฎหมายแล้ว ต้องควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งกระทู้ถาม รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ผมเน้นที่กรรมาธิการ จะทำอย่างไรให้กรรมาธิการทำงานมีประสิทธิภาพ โดยร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สว.ก็ต้องมีทั้งด้านวิชาการ ทวิภาคี และพหุภาคี ให้วุฒิสภาได้รับความน่าเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศ หวังว่า 5 ปี สว.จะทำงานลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของวุฒิสภา” นายบุญส่งกล่าว

นายพงษ์ศักดิ์แสดงวิสัยทัศน์ว่า สำหรับข้อควรระวังและความท้าทายของ สว.ชุดนี้คือ 1.คะแนนเลือกรอบไขว้แตกต่างกันมาก จนทำให้สื่อและประชาชนเห็นว่าเป็น สว.จัดตั้ง อาจจะมีปัญหาความเป็นอิสระในการสื่อความเห็นและออกเสียง 2.อาจมีปัญหาความสามัคคี เนื่องจากความหลากหลาย และอาจมีปัญหาในเรื่องข้อมูลเริ่มต้นไม่เท่าเทียมกัน และ 3.ปัญหาใหญ่คือเรื่องปากท้องของประชาชนที่จะขัดขวางความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยและต่างชาติ แต่เส้นทางสู่ความสำเร็จของพวกเราทำได้

ADVERTISMENT

โดย 1.ทำกิจกรรมละลายพฤติกรรม ละลายสี เพื่อให้สมาชิกทุกคนรู้จักกัน อยู่บ้านเดียวกัน เราต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน 2.สร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นของสื่อและประชาชนต่อ สว. ว่า สว.ทุกท่านอยู่ในบ้านเดียวกัน มีอิสระในการเสนอความเห็น และออกเสียง ซึ่งจะเป็นการสร้างภาพพจน์ที่ดีต่อประเทศชาติ สร้างความมั่นใจต่อคนไทยและต่างชาติที่จะมาลงทุน ท่องเที่ยว 3.เตรียมข้อมูลข่าวสารให้สมาชิกทุกท่านอย่างครบถ้วนก่อนการประชุม การประชุมต้องโปร่งใส ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมดูแลการตั้งกระทู้ถามอย่างรวดเร็ว เหมาะสม ยุติธรรม 4.ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายที่มีอยู่เดิม และกฎหมายใหม่ ๆ ตลอดจนระบบไอที ที่ต้องตอบสนองต่อความต้องการของสังคม และทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก และ 5.ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างวุฒิสภา สื่อ และประชาชนในทุกมิติอย่างเร่งด่วน

จากนั้นนางอังคณา นีละไพจิตร สว. กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่า สว.ชุดนี้ประกอบด้วยความหลากหลาย ทั้งเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา วัยวุฒิ คุณวุฒิ และหน้าที่การทำงาน แต่น่าเสียดายที่ สว.ที่ทำงานอาสาสมัคร หรือคนในท้องถิ่นไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติในวันนี้ ในฐานะคนธรรมดาหากได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่สอง ตนจะสนับสนุนและร่วมมือทำงานกับประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา และสมาชิกทุกคนเพื่อให้ สว.ชุดนี้ทำงานอย่างเป็นอิสระ มีความเป็นกลาง ไม่ลำเอียง มีความพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการแก้ปัญหาเมื่อเกิดความขัดแย้งในสังคมบนพื้นฐานประโยชน์ของประเทศและประชาชน

ADVERTISMENT

นางอังคณากล่าวต่อว่า ตนยืนยันเรื่องการสร้างความโปร่งใสในการทำหน้าที่ สว.ที่ยึดโยงกับประชาชนหรือชุมชนในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามและตรวจสอบการทำหน้าที่ของ สว. รวมถึงการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือส่งผลกระทบต่อประชาชน และย้ำว่าสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองเป็นสิทธิที่ไม่อาจแยะจากกันได้ การเมืองภาคพลเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในสังคมประชาธิปไตย

การสนับสนุนการเสนอร่างกฎหมายของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย รวมถึงการเคารพเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกอย่างสันติของประชาชน เพราะการเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ และส่งต่อข้อเสนอแนะจะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของ สว. เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างรากฐานของการเมืองภาคพลเมือง ขณะที่ด้านการต่างประเทศนั้น ก็เป็นส่วนสำคัญที่เราต้องให้ความร่วมมือและประสานการทำงานระหว่างรัฐสภาไทย หรือรัฐสภาระดับภูมิภาคและระดับโลก

และอย่างที่ทราบว่ารัฐสภาไทยในฐานะสมาชิกสหภาพรัฐสภามีบทบาทสำคัญในหลายประการ ซึ่งครอบคลุมทั้งมิติด้านการเมือง ความมั่นคง สิทธิมนุษยชน กฎหมาย ความเสมอภาคทางเพศ และอื่น ๆ ตนเห็นว่าการสนับสนุนให้สมาชิกวุฒิสภาได้มีส่วนร่วมในการทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญของสหภาพรัฐสภา โดยเป็นตัวแทนจากกลุ่มภูมิรัฐศาสตร์ จึงมีความสำคัญยิ่ง

น.ส.อังคณากล่าวด้วยว่า นอกจากนั้น ตนขอสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการประชุมสมาชิกรัฐสภาสตรี ที่เน้นบทบาทการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในการพัฒนาแผนงานของผู้หญิงในสหภาพรัฐสภา และผลักดันให้วุฒิสมาชิกหญิงของไทยมีโอกาสทำหน้าที่ในด้านต่าง ๆ เพื่อเน้นย้ำบทบาทและศักยภาพของวุฒิสมาชิกหญิงของไทยในเวทีโลก รวมถึงการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยยะสำคัญของวุฒิสมาชิกหญิง เพราะความเสมอภาคทางเพศถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการพัฒนาสังคม และการเมืองของประเทศ เพราะเป็นพื้นฐานในการสร้างความเท่าเทียมและโอกาสที่เป็นธรรมสำหรับทุกเพศ การส่งเสริมผู้หญิงในการดำรงตำแหน่งประธาน รองประธานวุฒิสภา รวมถึงประธาน กมธ.ต่าง ๆ จึงไม่เป็นเพียงการสร้างความเสมอภาคความเท่าเทียมทางการเมือง แต่ยังเป็นการสนับสนุนการพัฒนาสังคมที่ยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติและเท่าเทียมสำหรับทุกคน

“เหตุผลหนึ่งที่ผู้หญิงที่มีความรู้ ความสามารถ หลายคนไม่อยากเข้าสู่วงการการเมือง เป็นเพราะนักการเมืองหญิงมักถูกด้อยค่า หรือถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ปัจจุบันมีนักการเมืองหญิงหลายคนที่เป็นเหยื่อการด้อยค่าโดยใช้เพศในการคุกคาม โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ ในฐานะวุฒิสมาชิกเราจะต้องไม่อดทนต่อสิ่งเหล่านี้ เราจะต้องมีกลไกเพื่อปกป้องสมาชิกรัฐสภาหญิงทุกคนจากการถูกล่วงละเมิดนี้ และสุดท้ายดิฉันเชื่อมั่นว่าการที่ผู้หญิงได้รับตำแหน่งผู้นำในวุฒิสภาจะเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญให้กับผู้หญิงและเด็กหญิงทั่วประเทศได้เห็นว่าพวกเธอสามารถมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างการเมืองที่โปร่งใส สร้างสรรค์ มีส่วนร่วม และทุกคนสามารถประสบความสำเร็จในฐานะนักการเมืองหญิงที่มีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับจากสังคมได้” นางอังคนากล่าว

จากนั้นเป็นการลงคะแนนลับด้วยการเขียนชื่อบุคคลที่จะเลือก โดยขานชื่อเรียงตามตัวอักษร ผลปรากฏว่านายบุญส่ง ได้คะแนน 167 เสียง นายปฏิมา ได้ 4 เสียง นายพงษ์ศักดิ์ ได้ 8 เสียง นางอังคณา ได้ 18 เสียง งดออกเสียง 2 บัตรเสีย 0 จากผู้ลงคะแนน 199 คน