เศรษฐามั่นใจทำด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยันทำงานเต็มที่ตราบยังเป็นนายกฯ หลังถูกจับตาปมคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 14 ส.ค.นี้-เมินลูกพรรคพลังประชาชารัฐ แซะ มองเป็นเรื่องภายใน-ไม่ต้องเคลียร์ใจธรรมนัส
วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการจับตาถึงคำวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นนายกฯ ของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 14 ส.ค.นี้ โดยยืนยันว่าได้มีการเซ็นและส่งคำแถลงปิดคดีไปตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาแล้ว และก็อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว ตนไม่อยากก้าวล่วงว่ามั่นใจหรือไม่ แต่มั่นใจว่าทำด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต บริสุทธิ์
ส่วนกระแสข่าวเรื่องนายกฯสำรอง นายเศรษฐากล่าวว่าก็แล้วแต่จะคิดกันไป วันนี้ตนทำงานเต็มที่ และยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่
ส่วนวันที่ 14 ส.ค.นั้น ศาลตัดสินอย่างไรนั้นตนก็น้อมรับ ตนเชื่อว่ากระบวนการการเมืองก็มีขั้นตอน แต่วันนี้ตราบใดที่ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ก็ทำงานเต็มที่
ขณะที่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลก็มีการคุยกันดี แต่ไม่ได้เจอ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหลายวันแล้ว เข้าใจว่าท่านป่วย ก็ขอให้ท่านหายดี แต่เมื่อคืนเจอ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่งานศพ ก็มีการคุยกันดี
เมื่อถามถึงกรณีที่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แซะนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความหวั่นไหวในการทำงานหรือไม่ นายเศรษฐาระบุว่าไม่เลย เพราะเป็นเรื่องภายในของเขา ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน และอย่างที่บอกคำว่าแซะก็มีนัยยะเยอะแยะไปหมด ในส่วนตัวโฟกัสที่เนื้อหาสาระมากกว่า ถ้าเข้ามาแนะนำที่เป็นเรื่องที่ดี จะเป็นพรรคเดียวกันหรือพรรคฝ่ายค้าน ตนก็ยินดีรับฟัง และนำไปแก้ไขปฏิบัติ แต่ถ้าเป็นอะไรที่เป็นเรื่องของการแซะ ไม่มีเหตุไม่มีผล อันนี้ตนก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัสได้มาชี้แจงหรือไม่ ถึงเหตุผลที่ลูกพรรค พปชร.ออกมาทำแบบนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่ และ ร.อ.ธรรมนัสรู้จักตนดีอยู่แล้ว คิดว่าไม่มาเสียเวลาคุยกันเรื่องพวกนี้ดีกว่า แต่คุยกันเรื่องปลาหมอคางดำ หรือเรื่องงาน เรื่องกรมชลประทานที่จะเข้าไปดูแลดีกว่า ตนว่าเรื่องพวกนี้สำคัญมากกว่า และ ร.อ.ธรรมนัสรู้ใจตนดี และผมก็รู้ใจท่านดีว่าอะไรเป็นเรื่องสำคัญ
เรามายืนอยู่ตรงนี้ยืนเพื่ออะไร มายืนเพื่อพี่น้องประชาชน แต่อย่างที่บอก ถ้ามีอะไรที่เป็นการแนะนำที่มีประโยชน์ตนก็พร้อมรับฟัง และหากรับฟังไปแล้วเป็นเรื่องที่ดี ที่ต้องมีการติดต่อพูดคุยกับตัวแทนพรรคก็จะมีการพูดคุยกันต่อไป
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะมีการเอาพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าตนยังไม่เคยคุย วันนี้เรามาโฟกัสที่ปัญหาบ้านเมืองดีกว่า โดยวันนี่จะไปดูปัญหาเรื่องน้ำท่วม ขณะที่เรื่องสแกม ก็เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เพราะมีเรื่องของเทคโนโลยีและเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเกี่ยวข้อง
ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาตนไปประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีการรายงานว่ามีการตั้งคณะกรรมการที่รวบรวมทุกภาคส่วนเข้ามา ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ตนพยายามที่จะตั้งให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อจะทำงานอย่างบูรณาการครบทุกภาคส่วน เราต้องการการขับเคลื่อนทุกภาคส่วนในการแก้ไข เพราะที่มีการเสนอข่าวกันไปก็มีความเสียหายจำนวนมาก โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์