นายกฯ สั่งทำแผนแก้ปัญหาน้ำเร่งด่วนใน 3 ปี หวังชง ครม. ช่วง ส.ค.นี้

นายกฯติดตามสถานการณ์น้ำกรมชลฯ สั่งทำแผนแก้ปัญหาเร่งด่วนใน 3 ปี เพื่อเสนอ ครม.ภายใน ส.ค.นี้ พร้อมวางโครงการระยะยาวแก้ภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ มั่นใจน้ำไม่ท่วมเหมือนปี’54

วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่กรมชลประทาน (สามเสน) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือการบริหารจัดการน้ำ โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

เมื่อมาถึง นายกรัฐมนตรีได้รับความบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของทั้งประเทศ จากนายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน โดยภาพรวมสถานการณ์ฝนในปีนี้ ณ ขณะนี้อยู่ที่ 56% ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วในช่วงเดียวกันที่ 4%

ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงและคาดการณ์ว่าจะเกิดน้ำท่วมให้ดูแลลงรายละเอียดเป็นรายอำเภอ

นอกจากนี้อธิบดีกรมชลประทาน ยังรายงานถึงสถานการณ์ที่เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ที่ระบายน้ำว่า ได้มีการระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 1-5 ส.ค. ในระดับคงที่ แต่เนื่องจากมีฝนตกลงมาท้ายเขื่อนจำนวนมาก จึงทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม แต่ขณะนี้ได้ปิดการระบายน้ำที่เขื่อนขุนด่านปราการชลแล้ว

จากนั้นนายกรัฐมนตรีประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมอบนโยบายว่า ปัญหาเรื่องน้ำเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยต้องเผชิญทุกปี ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม น้ำแล้งและน้ำไม่ได้คุณภาพ ซึ่งมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน โดยได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบดูแลเรื่องน้ำบูรณาการการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดทำแผนงานและโครงการที่สำคัญ และสามารถเร่งรัดดำเนินการได้ภายในกรอบระยะเวลา 3 ปี ตลอดจนพิจารณาโครงการสำคัญระยะยาว เพื่อให้น้ำถึงไร่นา น้ำสะอาดทุกหมู่บ้าน แก้ปัญหาภัยพิบัติด้านน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Advertisment

นายกรัฐมนตรียังได้เน้นการเสริมประสิทธิภาพของโครงการที่มีอยู่เดิมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงที่สุด พร้อมทั้งพิจารณาก่อสร้างโครงข่ายการบริหารจัดการน้ำและระบบกระจายน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยในช่วงฤดูฝนนี้มอบหมายให้กรมชลประทาน และ GISTDA นำเสนอพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก พร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุมถึงแผน 3 ปี ในด้านทรัพยากรน้ำ โดยมอบหมายให้ สทนช.เร่งรัดการยกร่างแผน 3 ปี ด้านทรัพยากรน้ำและโครงการสำคัญให้แล้วเสร็จ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยให้ สทนช.รับผิดชอบในการติดตามและประเมินผล การดำเนินงานตามแผน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ

Advertisment

นอกจากนี้ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ สทนช.บูรณาการการดำเนินงานตามแผนงานดังกล่าว เพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามที่ได้ตั้งเป้าไว้

ส่วนการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ สทนช.ติดตามและกำกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนดำเนินงานตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำ และปฏิบัติงานตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด

ส่วนบริเวณที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซากให้ สทนช.บูรณาการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ในการกำหนดขอบเขตพื้นที่รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้ชัดเจน และขอเน้นย้ำให้บริหารสถานการณ์และแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว มีการสื่อสารกับประชาชนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เข้าถึง และทำให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีแถลงว่า ปัญหาเรื่องน้ำเป็นปัญหาเร่งด่วนของประเทศไทยที่จะต้องแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นภายในรัฐบาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และคุณภาพน้ำ พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานเรื่องน้ำเร่งทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดทำแผนงานด้านน้ำระยะ 3 ปี และแผนงานสำคัญระยะยาวเพื่อให้ “น้ำถึงไร่นา น้ำสะอาดทุกหมู่บ้าน แก้ปัญหาภัยพิบัติด้านน้ำ” ซึ่งตนได้เน้นย้ำให้ปรับปรุงโครงการที่มีอยู่เดิมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ตลอดจนก่อสร้างโครงข่ายการบริหารจัดการน้ำเพิ่มเติม โดยพิจารณาถึงความเร่งด่วนและความเหมาะสมในการใช้จ่ายงบประมาณเป็นสำคัญ

โดยที่ประชุมหารือการบริหารจัดการน้ำได้พิจารณาและเห็นชอบแผน 3 ปี ด้านทรัพยากรน้ำและโครงการสำคัญ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำกินน้ำใช้ ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ตลอดจนภัยพิบัติด้านน้ำอื่น ๆ ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับประชาชน 6.22 ล้านครัวเรือน มีพื้นที่รับประโยชน์ 24.19 ล้านไร่

โดยประกอบด้วยแผนงาน 5 ด้าน ประกอบด้วยการเพิ่มน้ำอุปโภคบริโภค การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเดิมและพัฒนาระบบกระจายน้ำ การพัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝนการพัฒนาพื้นที่น้ำท่วมและป้องกันพื้นที่ชุมชนเมือง และการพัฒนาพื้นที่ต้นน้ำ

ตนและรัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำให้กับพี่น้องประชาชน โดยผมได้สั่งการให้ สทนช. เร่งจัดทำแผนงานด้านน้ำและเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายในเดือนสิงหาคมนี้ และตนได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชน เน้นการสื่อสารและแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ GISTDA ประเมินภาพถ่ายในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากร่วมกับ

กรมชลประทาน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ สทนช. ร่วมกัน ติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ บริหารจัดการและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชน เพื่อให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด

เมื่อถามว่า มั่นใจกับการบริหารจัดการน้ำจะไม่ซ้ำรอยน้ำท่วมปี’54 ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “มั่นใจครับ”