เมื่อวันที่ 22 พ.ค. เวลา 13.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ ว่า วันนี้เศรษฐกิจของไทยไตรมาสแรกนั้นขึ้นมาถึงระดับที่ 4.8 สูงสุดในรอบ 5 ปี รัฐบาลทำมาตั้งแต่ต่ำเตี้ย จะเห็นว่ามีการพัฒนาขึ้นมาตามลำดับในเศรษฐกิจมหภาค ส่วนด้านล่างจะต้องไปเติมในเรื่องของไทยนิยมเพื่อในเกิดการกระจายรายได้ สร้างงาน และสร้างอาชีพ
“ทุกวันนี้มีกิจกรรมในโครงการไทยนิยมมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วม โดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.) ขณะที่มีการแจกจ่ายงบประมาณตามโครงการต่างๆ อาทิ โครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานเล็กๆน้อยๆซึ่งเป็นไปตามความต้องการของประชาชน การบริหารจัดการน้ำ การท่องเที่ยวในชุมชน การเลี้ยงสัตว์”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
นอกจากนี้นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับโครงการที่มีการเสนอเข้ามา ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 โครงการสร้างงานอาชีพ สร้างรายได้ทางตรง มีประมาณ 12,544 โครงการ คิดเป็น 14.19 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มที่ 2 โครงการสร้างงานอาชีพ สร้างรายได้ทางอ้อม 7,999 โครงการ คิดเป็น 9 เปอร์เซ็นต์
กลุ่มที่ 3 โครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิต 67,857 โครงการ คิดเป็น 76 เปอร์เซ็นต์
“เราต้องต่อยอดและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก มิฉะนั้นเศรษฐกิจของเราจะยังอยู่ที่ 4.8 แต่อย่าลืมว่าต้องทำให้เศรษฐกิจข้างล่างดีขึ้นจริงๆ ถ้าเราทำต่อเนื่องและเชื่อมโยง รวมถึงเพิ่มมูลค่าขึ้นได้”
นายกฯ ยังกล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่สำคัญ คือเรื่องความมั่นคง ซึ่งสมาคมการท่องเที่ยวร้องเรียนว่าถ้ามีเรื่องที่กระทบกับความมั่นคง จะส่งผลเสียต่อการท่องเที่ยว ในช่วงที่ผ่านมาการท่องเที่ยวสร้างรายได้หลายแสนล้านบาทให้ประเทศ ถ้าประเทศยังมีการเดินขบวนแบบนี้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด คนที่มาท่องเที่ยวก็จะหายไปเรื่อยๆ ตัวเลขทางเศรษฐกิจจะตกทั้งหมด