
“นายกฯอิ๊งค์” ถก 3 สภาธุรกิจ ก่อนแถลงนโยบาย 16 ก.ย.นี้ เผยโผ ครม.ล่าสุด “ทักษิณ” โชว์วิสัยทัศน์ ตั้งแต่เศรษฐกิจฐานราก แฮร์คัตหนี้ภาคประชาชน ให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ชูนโยบายใหม่เป็นรูปธรรม ทั้งวงการรถอีวี-รถไฟฟ้าค่าโดยสาร 20 บาท ลงทุนกาสิโน-กองทุนพยุงหุ้น เก็บภาษีแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ กวาดเงินใต้ดินขึ้นบนดิน หนุนอุตสาหกรรมดาวรุ่ง Data Center-พลังงานสะอาด
นายกฯอิ๊งค์ถกนักธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าอาคารชินวัตร 3 โดยมีกำหนดการพบกับสภาหอการค้าไทย และสภาหอการค้าไทย-จีน สภาอุตสาหกรรมไทย และสมาคมธนาคารไทย โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมด้วย รมช.คลัง รวมทั้ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมหารือด้วย
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้เป็นการรับฟังการแบ่งปันถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ จากผู้ประกอบการภาคเอกชนเพื่อต้องการการพัฒนามากขึ้น ตนเองได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่สามารถทำงานหรือสั่งการได้ จึงเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น และชี้ให้เห็นว่ากำลังเจอปัญหาอย่างไร และมีอะไรอยากจะแนะนำรัฐบาล เพราะภาคเอกชนเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างมั่นคง
“ในยุคไทยรักไทย จะมีการพูดคุยในทุกอุตสาหกรรมและคุยทุกสัปดาห์ ซึ่งทำให้ได้รู้ปัญหา รู้ประเด็นของทุกอุตสาหกรรมจริง ๆ และช่วยเป็นประโยชน์ต่อการบริหารบ้านเมือง และต้องขอโอกาส และอาจขอรบกวนเวลาทุกท่านค่ะ” นางสาวแพทองธาร
โผ ครม.เพื่อไทย ใกล้เสร็จ
ขณะที่รายชื่อคณะรัฐมนตรี ขณะนี้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชื่อ ครม.ส่งมาหมดแล้ว รอตรวจสอบ ต้องรอบคอบที่สุด คาดเสร็จใน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ การจัดตั้ง ครม.รัฐบาลแพทองธาร คาดว่าจะประกอบด้วย 11 พรรคการเมือง บวกกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส มีเสียงประมาณ 330 เสียง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เกือบทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งเดิม โดย นายพิชัย ชุณหวชิร อาจเหลือแค่ รมว.คลัง มี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็น รมช.คลัง เช่นเดียวกับกระทรวงคมนาคม
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์รวมถึง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ยังเป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม
รายชื่อรัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่มีรายงานว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดูเรื่องกฎหมาย น.ส.
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ เช่นกัน แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังเฟ้นบุคคลที่มาเป็น รมว.กลาโหม แทนนายสุทิน คลังแสง ที่อาจหลุดออกจากตำแหน่ง
2 โผพรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่โผ ครม.ของพรรคภูมิใจไทย
พรรคประชาชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา ยังเหมือนเดิม แต่ที่ยังไม่สะเด็ดน้ำคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะขยับ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ไปเป็น รมช.คลัง
ส่วนโผ ครม.ของพรรคพลังประชารัฐ ถูกชงไป 2 โผ แบ่งเป็น รายชื่อรัฐมนตรีของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งส่งให้กับพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย 1.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ 2.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ 3.นายอัครา พรหมเผ่า (น้องชายธรรมนัส) รมช.เกษตรและสหกรณ์
อีกบัญชีเป็น โผ ครม.ที่ผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย 1.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็น รมช.สาธารณสุข นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์
แถลงนโยบาย 16 ก.ย.
นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะตัวแทนวิปรัฐบาล กล่าวว่า เนื่องจากในช่วงนี้ สำนักงานเลขาธิการ ครม. กำลังตรวจสอบคุณสมบัติอย่างรอบคอบ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ครม.ใหม่ ทั้งนี้ การแถลงนโยบายของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร คาดว่าน่าจะเป็นช่วงวันที่ 16 ก.ย. เป็นต้นไป
วิสัยทัศน์เศรษฐกิจ “ทักษิณ”
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานดินเนอร์ทอล์ก “Vision For Thailand” จัดโดย “เนชั่น กรุ๊ป” หัวข้อ “วิสัยทัศน์ประเทศไทย” เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 67 โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องนโยบายด้านเศรษฐกิจ ต่อเนื่องจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
แฮร์คัตหนี้ประชาชน
นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงนโยบายแรกว่า จะจัดการหนี้ครัวเรือนที่มีอยู่ 91-92% ส่วนใหญ่เป็นหนี้บ้าน รถยนต์ โดยได้รับการแนะนำจากนายธนาคารว่า “เป็นไปได้ไหมที่แบงก์ชาติเก็บเงินกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน Financial Institutions Development Fund (FIDF) 0.46-0.47% ให้เก็บเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งนำมาให้ธนาคารพาณิชย์นำมาช่วยลดหนี้รถยนต์ หนี้บ้าน ซึ่งมีหนี้เสียอยู่ราว 1 ล้านล้านบาท ส่วนนี้จะช่วยลดหนี้เสียในระบบ ซึ่งต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกลับไปพิจารณาหลังจากนี้”
เดินหน้ารถไฟฟ้า 20 บาท
นายทักษิณกล่าวถึงนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ของพรรคเพื่อไทย โดยยืนยันว่ายังคงเดินหน้า แต่อาจจะต้องเวนคืนรถไฟฟ้าที่เอกชนบริหารกลับมาเป็นของรัฐ และจ้างเอกชนมาบริหารเพื่อทำให้ภาครัฐสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารเอง เพราะไม่เช่นนั้น เอกชนก็จะมุ่งเฉพาะกำไร โดยจะต้องจัดตั้งกองทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และอาจต้องคิดถึงเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้รถยนต์เข้าในตัวเมือง เพื่อเอาเงินส่วนดังกล่าวมาเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน มาสนับสนุนค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่ปรับลดลง
“ยังต้องเดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย เพราะจะเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ เชื่อมเส้นทางสายไหม”
ลงทุนกาสิโนถูกกฎหมาย
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า “ผมเคยคิดไว้แต่โดนค้าน แต่วันนี้มีคนเชียร์มาก นโยบายนี้ที่จริงแล้ว พื้นที่ที่เป็นกาสิโนมีไม่ถึง 10% แต่มีส่วนอื่น เช่น สวนสนุก และโรงแรม แต่ละแห่งต้องลงทุนเป็นแสนล้านบาทใน กทม. และในต่างจังหวัดต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ต้องเตรียมพร้อม สิ่งไหนที่เราขาด เราจะให้คนที่มาลงทุน”
“สำหรับเรื่องของเศรษฐกิจใต้ดิน ระบบพนันออนไลน์ มียอดฝาก 3 ล้านล้านต่อปี และคนไทยเล่นพนันปีละ 5 แสนล้าน ถ้าเราเก็บภาษีประมาณ 30% ได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ถ้าเศรษฐกิจขึ้นมาบนดินได้อีก 50% ก็ทำให้จีดีพีโตได้อีก 50% เพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจในระบบ เรามีไม่ถึง 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจนอกระบบ”
แนะเร่งเจรจาอีวีจีน
นายทักษิณกล่าวถึงเรื่องวงการรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวีว่า ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งเคยสนับสนุนอีโคคาร์ โดยใช้ภาษีสรรพสามิตสนับสนุน แต่ปัจจุบันรถอีวีจีนกำลังมา “อยากขอร้องว่าให้ไทยเป็นฐานผลิตพวงมาลัยขวา ไม่ว่า BYD, GWM อยากให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตพวงมาลัยขวาได้หรือไม่ เรื่องอีโคซิสเต็มอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องรักษาไว้ ทำอย่างไรให้รถไฟฟ้าจากจีนมาใช้ส่วนประกอบในไทยบ้าง ต้องเริ่มเจรจาได้แล้ว ขอให้คนที่เกี่ยวข้องเจรจากันได้แล้ว เพราะต่อไปจะเอาไม่อยู่”
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า อยากเห็นนักธุรกิจไทยออกไปสู้ในเวทีโลก รัฐบาลน่าจะช่วยสนับสนุนให้คนไทยออกไปแข่งขัน “ผมรู้จักแบงก์ UOB มาซื้อ Good Bank ธนาคารรัตนสิน แล้วมาบริหารจนเติบใหญ่ วันนี้เป็น UOB แบงก์กรุงเทพเพิ่งซื้อแบงก์จากอินโดนีเซีย ซึ่งชื่นชมมาก”
“เราขาดการแก้ปัญหาทั้งระบบ ขาดการคิดอย่างมียุทธศาสตร์ ขาดกำลังรบธุรกิจ อยากให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ช่วยไปพิจารณา”
อุตฯดาวรุ่ง Data Center
นายทักษิณกล่าวเรื่องการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ทั้งซัพพลายเชนของระบบเซมิคอนดักเตอร์ว่า “ประเทศไทยควรจะเป็นสวรรค์ของภาคอุตสาหกรรมที่สุด ใครอยากขายจีน ใครอยากขายอเมริกา ใครอยากขายยุโรป ไม่มีปัญหา เพราะเราไม่มีปัญหาเรื่อง Geopolitics เราต้องไปเชื้อเชิญมา หนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ คือ Data Center มีคนสนใจประเทศไทยจำนวนมาก แต่ปัญหาที่กังวลคือเรื่องค่าไฟและพลังงานสะอาด ล่าสุดได้รับความร่วมมือจากกระทรวงพลั“ใครต้องการพลังงานสะอาด ถ้าภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องทำเอง ก็ทำได้ แต่ห้ามทำเพื่อขาย เพราะเราไม่ให้ทำธุรกิจไฟฟ้า แต่ถ้าทำใช้เอง เราก็ไม่ว่า”
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปถึงเรื่องค่าไฟ ราคาพลังงานด้วยว่า “ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของคนไทยแพงมาก ค่าพลังงาน เราต้องนำเข้า เป็นไปตามอัตราแลกเปลี่ยนดัชนีตลาดโลก ไฟฟ้าของเราเทียบเท่า 12 เซนต์ แต่ดูแล้วมีแต่ขึ้น เรื่องลมยังไม่พูดถึง ทำอย่างไรให้ไฟฟ้าถูกลงเหลือ 2 เซนต์ มีการพูดถึงพลังงานสีเขียว ตอนนี้มีกำลังทดลองเรื่องพลังงานฟิวชั่น ทำความร้อนเก็บอยู่บนแม่เหล็กเหมือนพระอาทิตย์ เพื่อผลิตไฟฟ้าในราคาที่ถูก”
รับมือการค้าจีน-อเมริกา
นายทักษิณแสดงวิสัยทัศน์เรื่องการค้าระหว่างประเทศว่า “ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ณ จุดนั้นจุดนี้ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ทำให้เกิดระบบกีดกันทางการค้า ทั้งพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน เขาจะหันกลับมาดูว่าเขาขาดดุลการค้าที่ประเทศไหน แล้วเขาจะต้องมาดูว่าทำอย่างไรถึงลดการขาดดุล เราต้องเตรียมตัว เพราะเราได้ดุลเขาอยู่ เราจะขายจะซื้ออะไรต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า”
กองทุนวายุภักษ์พยุงหุ้น
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความคิดเรื่องตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้น โดยอ้างอิงความคิดของ รมว.คลังว่า “อยากจะขยายกองทุนวายุภักษ์ เพราะยามที่ต่างชาติไม่เชื่อเรา เขาขายหุ้นทิ้ง บางทีหุ้นเราตกต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นบริษัทส่วนตัวก็จะเป็น Treasury Stock ทำหน้าที่ซื้อหุ้นเรากลับคืนมา ดังนั้น กองทุนวายุภักษ์จะทำหน้าที่เป็น Treasury Stock ของประเทศไทย ถ้าราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น กองทุนก็จะซื้อไว้ อยากจะทำแบบนี้”
สำหรับการจัดเก็บภาษี อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความคิดของกระทรวงการคลังว่า “การจัดระเบียบการจัดเก็บภาษี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีนิติบุคคล ภาษีบุคคลธรรมดา จะลดภาษีได้หรือไม่ เพื่อให้ไทยเป็นสิ่งที่น่าสนใจ น่าอยู่ และน่ามาทำงาน การลดภาษีดังกล่าวจะเดือดร้อนไปถึงการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เดือดร้อนคนระดับล่าง เรื่องนี้ รมว.คลังบอกว่า ใช้เทคโนโลยีให้ภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถคืนได้รวดเร็ว ทำให้คนไม่เดือดร้อน”
นายทักษิณพูดถึงแนวคิด Negative Income Tax ซึ่งเป็นระบบภาษีเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้ว่า “อยากเห็นคนไทยกรอกข้อมูลเสียภาษีทั้งหมด คนไหนรายได้ต่ำก็จะได้เงินกลับคืนไป คนไหนรายได้สูงก็จะต้องเสียภาษีตามกติกา ดังนั้นต้องปฏิรูประบบราชการอย่างเต็มที่ ลดรายจ่ายภาครัฐ ลดจำนวนข้าราชการ และต้องปรับงบประมาณที่เป็นบอลลูนขึ้นไป เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค”
โมเดลเช่าที่ดิน 99 ปี
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี พร้อมอธิบายโมเดลว่า “สมมติว่าผมขายที่ดินให้นาย A ฝรั่ง ผมตกลงราคาเรียบร้อย แทนที่ผมจะโอนโฉนดให้นาย A ผมไปโอนโฉนดให้กรมธนารักษ์เป็นคนดูแล โฉนดไม่เป็นของนาย A แต่นาย A ได้สัญญาเช่าที่มั่นคงจากกรมธนารักษ์เป็นเวลา 99 ปี พอครบ 99 ปี ที่ดินนั้นเป็นของหลวง ฉะนั้นที่ดินไม่มี ต่างชาติเอาไปได้เลย แต่เขาเช่าใช้ได้ 99 ปี โดยตกลงราคาซื้อขายกันเอง”
“ถ้าคนต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินเยอะ ๆ ราคาที่ดินจะขึ้น เราก็ไปสร้างบ้านราคาถูก ที่เรียกว่า Affordable Housing (คือ นโยบายรัฐด้านที่อยู่อาศัยสำหรับครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลาง) ตัวอย่าง รัฐอาจสร้างคอนโดฯที่ริมทางรถไฟเชียงรากน้อย หรือสถานีรถไฟธนบุรี ในราคาถูก ให้คนมาผ่อนเดือนละ 3,000 กว่าบาท ผ่อนไป 30 ปี ทำให้คนไทยมีบ้านไม่ต้องดาวน์ ทำให้เกิดความสมดุล ระหว่างที่ต้องการให้เศรษฐกิจเติบโต กับดูแลคนที่มีโอกาสน้อย รายได้น้อย”
หอการค้าฯเสนอดัน ศก.
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังนำคณะเข้าพบแสดงความยินดีกับคุณแพทองธาร ชินวัตร โดยการประชุมดังกล่าว มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุม
“โดยนำเสนอ 3 เรื่องเร่งด่วน 1) การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว 2) การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs และ 3) การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน ซึ่งข้อเสนอระยะเร่งด่วนนี้จะช่วยทำให้ GDP ไทยกลับมาเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3-5% ต่อปี หอการค้าไทยและเครือข่ายพร้อมสนับสนุนทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันการทำงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรม” นายสนั่นกล่าว
มาตรการกู้ ศก.ระยะสั้น
สำหรับมาตรการระยะสั้นต้องเร่งกระจาย-เบิกจ่ายงบประมาณปี’67 และเร่งจัดทำงบประมาณปี’68 ให้เสร็จตามกรอบเวลา ขณะเดียวกัน ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังประชาชน 3 กลุ่ม กลุ่มเปราะบางเร่งด่วนก่อน เพื่อให้กลุ่มนี้มีกำลังซื้อทันที
ส่วนมาตรการช่วยเหลือและเยียวยา ลดค่าครองชีพ ทั้งค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ตรึงราคาสินค้าจำเป็น การพิจารณาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ประเภทต่าง ๆ สถาบันการเงินต่าง ๆ ควรผ่อนผันค่าปรับการจ่ายหนี้ล่าช้า จะทำให้กระแสเงินสดของ SMEs ดีขึ้น
พร้อมทั้งให้กระจายอำนาจ มีมาตรการทางภาษีเพิ่มเติม สานต่อ การยกระดับ 10 เมืองรองสู่เมืองหลัก และปรับปรุงกฎระเบียบที่มีอยู่ให้เอื้อต่อการแข่งขันของภาคธุรกิจ
ระยะกลางและยาว
แผนงานระยะกลางและยาว เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ผ่านกลไก เช่น กรอ. และ Team Thailand Plus เป็นต้น พร้อมทั้งให้สื่อสารนโยบายเศรษฐกิจให้ชัดเจน ให้ทุกภาคส่วนรับรู้และเกิดความมั่นใจ
“การวัดผลสำเร็จด้านเศรษฐกิจ เอกชนเห็นว่าควรตั้งเป้า GDP ประเทศไม่ต่ำ 3-5% ต่อปี การส่งเสริมการลงทุน รัฐบาลเสมือนเซลส์แมนเปิดการขาย จำเป็นต้องปิดการขายให้ได้ ต้องมีคณะกรรมการติดตามและประเมินผลความสำเร็จอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ควรใช้ Ease of Doing Business Index เป็นดัชนีวัดผลการปรับปรุงกฎระเบียบในการทำธุรกิจของประเทศ ปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดรับกับแนวทาง SDGs แบบสากล”
ขณะเดียวกัน ต้องสร้างความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการผ่านกลยุทธ์ “ผลักดัน-ตั้งรับ-จับมือ” ช่วยให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้า
นำเข้าจากต่างประเทศ
พร้อมทั้งวางยุทธศาสตร์ประเทศ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต รักษาโมเมนตัมในธุรกิจไทย ทั้ง Food Tourism Wellness และ Logistics สู่การเป็นศูนย์กลางภูมิภาค และดึงดูดอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ด้านดิจิทัล, EV Car และส่งเสริมเรื่องการเชื่อมโยงภูมิภาค เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง สร้าง S-curve เศรษฐกิจไทย ตลอดจนยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ และยกระดับโครงสร้างพลังงานดั่งเดิม สู่พลังงานสีเขียว
8 วาระร้อน ส.อ.ท.ชงนายกฯ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การหารือวันนี้ ส.อ.ท.ขอให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตไทย คือ 1.ปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากสินค้านำเข้าที่ไม่มีคุณภาพ 2.ส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศ Made in Thailand
3.ลดต้นทุนการผลิต ทั้งพลังงานและค่าแรง 4.ส่งเสริมและช่วย SMEs 5.ส่งเสริมการค้าชายแดนและระบบโลจิสติกส์ 6.ส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เพื่อรักษาฐานการผลิตยานยนต์ของไทย 7.พัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ 8.ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ Ease of Doing Business
ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเลต แม้จะปรับรูปแบบเป็นให้เงินสด แต่หากลงไปช่วยเหลือกับกลุ่มเปราะบาง และทำให้เงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ มีการจับจ่ายใช้สอยได้จริง ถือว่าเป็นเรื่องดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ