เส้นทางคู่ขนาน ทักษิณ – ประวิตร ในเกมตั้ง ครม.แพทองธาร 1

เกมชิงอำนาจการเมือง ณ เวลานี้ หักเหลี่ยม เฉือนคมทุกนาที

โดยเฉพาะเกมจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) แพทองธาร ที่ยังปั่นป่วน เพราะโผ ครม.ของพรรคพลังประชารัฐยังแตกเป็น 2 ก๊ก และทั้ง 2 ก๊กอำนาจ ชงชื่อต่างกันทั้ง 2 โผ

ก๊กหนึ่ง สายบ้านป่า มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชงชื่อ 4 รัฐมนตรีเดิม ประกอบด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์

จุดได้เปรียบอยู่ตรงที่โผดังกล่าวมีมติคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพราะสายของ พล.อ.ประวิตร ยึดกุมเสียงในกรรมการบริหารพรรค

กับอีกก๊กหนึ่ง สายผู้กอง มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เสนอชื่อ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม นั่งในตำแหน่งรมว.เกษตรฯและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร นั่ง รมช.เกษตรฯ

มีข้อได้เปรียบ โชว์ 34 สส.ในมือ ทั้งจากพรรคพลังประชารัฐ 29 คน และพรรคเล็ก 5 คน

ADVERTISMENT

2 โผ ถูกส่งให้พรรคเพื่อไทย โดยมีคำขาดของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ประกอบการตัดสินใจ

“ฝ่ายที่ทุ่มเทให้กับรัฐบาลมาตลอด ก็น่าเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง” ทักษิณ ตอบคำถามนักข่าว ที่ถามว่า เมื่อพลังประชารัฐ 2 มาสองโผ ฝ่ายใดจะเข้าร่วมรัฐบาล ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ครม.ชุดใหม่จะต้องไม่มีนามสกุล “วงษ์สุวรรณ” อยู่ใน ครม.

ADVERTISMENT

เพราะ “หมายเหตุ” การเข้าร่วมรัฐบาลในมุม “ทักษิณ” พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต “ใครทำอะไรก็ต้องรู้ตัว”

บริบทของคำพูดดังกล่าวต้องย้อนไปก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เกมเลื่อยเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่เซ็ตเกมโดยกลุ่ม สว.40 คน ชุดก่อน ที่ถูกเชื่อว่าเป็นฝีมือของ “สายบ้านป่า”

จนทำให้นายกฯ เศรษฐา พ้นตำแหน่ง เหตุไม่มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดมาตรฐานจริยธรรม

เป็นไฟท์บังคับ ทักษิณ ต้องส่งไพ่ใบสุดท้าย “แพทองธาร” เป็นนายกฯ

อย่างไรก็ตาม เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส เปิดปฏิบัติการ “แตกหักกับ “บ้านป่า” แต่ก็ไม่อาจทำให้ “พล.อ.ประวิตร” ตายในทางการเมืองได้

เปิดช่องให้ฝ่าย พล.อ.ประวิตร ยื่นโผ ครม.อีกโผหนึ่งให้กับพรรคเพื่อไทย โดยอ้างความถูกต้องทางกฎหมายพรรคการเมือง และข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ผลักให้ โผ.ครม.สาย ร.อ.ธรรมนัส กลายเป็น “โผเถื่อน”?

ใน ครม.แพทองธาร อาจยังกล้ำกลืนมี วงษ์สุวรรณ อยู่ต่อไปหรือไม่

ทั้งที่เส้นทาง ทักษิณ – พล.อ.ประวิตร เป็นดั่งเส้นขนานกันตลอดมา

ย้อนวิวาทะคำพูด 2 คน 2 คม บนเส้นทางการเมือง ในช่วง 6 ปี หลัง ตั้งแต่วิวาทะ “เกาะโต๊ะ” จนถึง “บ้านป่า”

เริ่มจากวันที่ 18 กันยายน 2561 นายทักษิณ ชินวัตร มีการโพสต์เฟซบุ๊ค ในชื่อ “Thaksin Shinawatra” กล่าวถึงสถานการณ์ครบรอบ 12 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 49 โดยระบุว่า

“ในโอกาสครบรอบ 12 ปีนี้ ผมขอเปิดอกว่าผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นผมต้องสูญเสียความสุข ความอบอุ่นในครอบครัวผม ที่พ่อแม่ลูกเราอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นมาตลอด ต้องมาพรากจากกัน ผมเสียใจที่คนที่รักผม สนับสนุนผมถูกรังแก แต่คงไม่เสียใจเท่าประเทศที่ผมรัก แผ่นดินที่ผมเกิด และเติบโตมา ซึ่งครั้งหนึ่งได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ต้องมาตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ ถึงแม้ว่าผมมีอายุที่กำลังก้าวเข้าปีที่ 70 แล้ว แต่ผมเสียดายประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 12 ปีที่ออกมา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ 12 ปี แล้วยังไม่ลืมผม ยังส่งผ่านความรักความปรารถนาดีมาถึงกันเสมอมา สุดท้ายนี้ผมขออโหสิกรรมให้กับทุกคนที่ให้ร้ายกลั่นแกล้งผมมา ณ ที่นี้ด้วย”

วันรุ่งขึ้น “พล.อ.ประวิตร” กล่าวถึงท่าทีของ “ทักษิณ” ว่า “บ้านเมืองที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะใคร แต่ไม่ใช่พวกเราแน่นอนเพราะพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้อง เราออกมาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า “ทักษิณ” ส่งสัญญาณพร้อมพูดคุยปรองดองนั้น พลเอก ประวิตร ตอบว่า “เขายังมีเรื่องที่ทำผิดกฎหมายอยู่ขอให้ไปเคลียร์ตรงนั้นให้ได้ก่อน”

“ทักษิณ” ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ว่า “ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ. เลย”

นับจากวันนั้น เกิดวาทกรรม “เกาะโต๊ะ” ขึ้นทันที

6 ปีต่อมา “ทักษิณ” อยู่ในประเทศไทย กลับมาสู่จุดสูงสุดทางการเมืองอีกครั้ง และบอกว่า ถ้าจะมีคนวุ่นวายก็แถวบ้านในป่า

ในงาน Dinner Talk Vision for Thailand 2024 จัดโดยเครือ NATION มีการถาม “ทักษิณ” ว่า ตั้งแต่มาประเทศไทย 1 ปีได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร หรือไม่ “ทักษิณ” ตอบว่า ก่อนมาเคยโทร.คุยผ่านคนอื่น แล้วมีคนส่งสายให้ คุยกันสั้นๆ

คุยกันเรื่องอะไร “ทักษิณ” ตอบว่า ตอนนั้นเป็นเรื่องที่จะร่วมรัฐบาลกันมั้ง ถามสารทุกข์สุขดิบ แต่หลังจากนั้นไม่เคยพูดคุยกัน เขาไม่รู้จักผมแล้ว

“ตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่หนึ่ง..ผมตั้ง ผู้ช่วย ผบ.ทบ.จนเป็น ผบ.ทบ.”

ส่วนจุดไหนที่ทำให้มีระยะห่าง นายทักษิณกล่าวว่า “ตอนนั้น เขาเกษียณ เขาอยากไปเป็นประธาน ป.ป.ช. ผมไม่ได้คุยกับเขานะ แต่ผมก็บ่นว่าอะไรวะทหารจะไปเป็นประธาน ป.ป.ช. จะไปรู้กฎหมายได้ยังไงวะ ผมก็พูดแค่นี้”

“แต่มีเพื่อนรุ่นเดียวกับเขา สุชน ชาลีเครือ (อดีตประธานวุฒิสภา) ไปบอกเขา เพราะเรียน วปอ.รุ่นเดียวกัน เขาก็เลยโกรธผม เรื่องเดียวเลย ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันนี้”

จากวันนั้นถึงวันนี้ไม่คุยกัน ทักษิณ กล่าวว่า “ทำไมผมต้องคุย ผมมีความจำเป็นอะไรต้องคุย หลังจากนั้นผมก็โดนแทงฉุบฉับมาตลอด”

เมื่อถามว่า คิดว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นตัวแปรสำคัญ หรืออุปสรรคสำหรับ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่เป็นหรอก เพราะมีเสียงพอ

อยากบอก พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ก็..เราก็อายุมากกันแล้ว ก็เข้าฟังธรรมะสักหน่อย จิตใจจะได้สงบ

“เพราะผมอยู่เมืองนอกมา 17 ปี มีเรื่องราว มีคดีตรงนั้นยัดให้ผม ตรงนี้ยัดให้ผม โอ้โห่..ทีแรกผมก็โกรธ ทีหลังผมเฉยๆ ตอนหลังก็ขำมาอีกหนึ่งคดีแล้ว”

ทักษิณ และ พล.อ.ประวิตร เหมือนทางคู่ขนาน มิอาจบรรจบได้อีกต่อไป

แต่ในเกมอำนาจ ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้ – กลืนเลือด